ข่าวประจำวัน » ความมั่นคงชาติ vs. เสรีภาพ : ถกเถียงร้อนแรงคดี “แชมเบอร์ส” มาตรา 112

ความมั่นคงชาติ vs. เสรีภาพ : ถกเถียงร้อนแรงคดี “แชมเบอร์ส” มาตรา 112

29 April 2025
37   0

พลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตที่ปรึกษานายก และอดีตแม่ทัพ ระบุว่า

ที่นี่ประเทศไทยแลหลังกับแม่ทัพกิตติ #ความมั่นคงของประเทศกับการเมืองไทย

บทความจาก The Structure News รายงานเกี่ยวกับแถลงการณ์ที่ออกโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อตอบคำถามจากคณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับกรณีของ ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส

นี่คือประเด็นสำคัญจากแถลงการณ์ของ กอ.รมน.:

  • หลักเกณฑ์ทางกฎหมาย: กอ.รมน. ชี้แจงว่า การแจ้งความดำเนินคดีกับ ดร.แชมเบอร์ส ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 (หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐและอยู่ในข่ายกฎหมายอาญา พวกเขาระบุว่า บุคคลหรือหน่วยงานใดก็ตามที่พบเห็นคำพูด การแสดงออก หรือการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้
  • บทบาทของ กอ.รมน.: กอ.รมน. ภาค 3 ระบุว่า พวกเขาได้รับการแจ้งเบาะแส จึงดำเนินการตรวจสอบตามข้อมูลที่ได้รับ และพบการกระทำที่มีลักษณะที่อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ จากนั้นจึงได้เข้าร้องทุกข์และแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ในข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ
  • กระบวนการยุติธรรม: กอ.รมน. ย้ำว่า ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งศาลจะเป็นผู้พิจารณาข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และตัดสินว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดหรือไม่ พวกเขาขอให้ประชาชนเคารพกระบวนการยุติธรรมและรอการตัดสินของศาล การให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพยานหลักฐานหรือองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องอาจทำได้อย่างจำกัดในขณะนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการแทรกแซงอำนาจศาล
  • การชี้แจงเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคง: กอ.รมน. กล่าวถึงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมาตรา 7 ของพระราชบัญญัติความมั่นคงฯ พวกเขาอธิบายว่า มาตรานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกลไกในการจัดทำแผนงานเพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่ซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน พวกเขายืนยันว่า คดีของ ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส เป็นคดีอาญา ไม่ใช่การดำเนินการตามมาตรา 7 ของพระราชบัญญัตินี้
  • ช่วงเวลาของการดำเนินคดี: กอ.รมน. ปฏิเสธความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่างช่วงเวลาการดำเนินคดีกับ ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส และการเจรจาเรื่องการขึ้นภาษีกับสหรัฐอเมริกา พวกเขายืนยันว่า การดำเนินคดีเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กับเรื่องภาษีเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
  • ความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย: กอ.รมน. เน้นย้ำว่า ในฐานะหน่วยงานความมั่นคง พวกเขามีหน้าที่ปกป้องความมั่นคงของสถาบันชาติ การกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ว่าจะกระทำโดยคนไทยหรือชาวต่างชาติ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
  • กระบวนการที่ยุติธรรม: กอ.รมน. ยืนยันว่า การพิจารณาในชั้นศาลถือเป็นกระบวนการยุติธรรมที่เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายสามารถนำหลักฐาน ข้อเท็จจริง พยานมาชี้แจงได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
  • การยึดมั่นในหลักนิติธรรม: กอ.รมน. สรุปโดยยืนยันว่า การดำเนินคดีกับ ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมภายใต้หลักนิติธรรม และขอให้สังคมรอการตัดสินจากกระบวนการยุติธรรม และเคารพอำนาจศาลในการพิจารณาคดี

จากความสนใจของคุณในข่าวสารและหัวข้อที่เกี่ยวข้องของไทย คุณอาจพบว่าการดูรายละเอียดของมาตรา 112 และวิธีการนำมาใช้ในกรณีต่างๆ เป็นประโยชน์ คุณต้องการให้ฉันค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบังคับใช้มาตรา 112 ในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ หรืออาจจะเจาะลึกถึงมุมมองของนานาชาติต่อกฎหมายนี้หรือไม่
จากข้อมูลที่ค้นหามา มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรา 112 ดังนี้:

ความสำคัญของมาตรา 112 ต่อความมั่นคงแห่งชาติ:

  • การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลัก: มีมุมมองว่ามาตรา 112 มีความสำคัญในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถาบันหลักที่สำคัญของชาติ และเป็นรากฐานของความมั่นคงของรัฐ
  • การบังคับใช้รัฐธรรมนูญ: ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่า มาตรา 112 เป็นบทบัญญัติที่เสริมให้รัฐธรรมนูญมาตรา 8 (ที่บัญญัติถึงสถานะของพระมหากษัตริย์) มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง
  • การป้องกันการล้มล้างการปกครอง: ศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติว่า การเสนอแก้ไขมาตรา 112 ในลักษณะที่ผ่อนคลายโทษ อาจถูกมองว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อย่างไรก็ตาม มีมุมมองอีกด้านหนึ่งที่เห็นว่า การบังคับใช้มาตรา 112 อย่างกว้างขวางและรุนแรง อาจส่งผลเสียต่อความสำคัญของมาตราดังกล่าวและสถาบันพระมหากษัตริย์เอง โดยทำให้กฎหมายนี้กลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มมากกว่าที่จะเป็นการปกป้องพระเกียรติและความมั่นคงของประเทศอย่างแท้จริง

ความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรา 112:

  • ฝ่ายที่เห็นด้วย: มองว่าพระมหากษัตริย์ควรได้รับการคุ้มครองที่มากกว่าบุคคลธรรมดา และการยกเลิกมาตรา 112 อาจทำให้สถาบันกษัตริย์กลายเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับประชาชน
  • ฝ่ายที่เห็นต่าง: วิจารณ์ว่ามาตรา 112 มีอัตราโทษที่สูงเกินไป และใครก็ตามสามารถแจ้งความได้ ทำให้เกิดการฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งกัน อีกทั้งยังไม่มีกลไกที่ชัดเจนในการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกเพื่อประโยชน์สาธารณะ
  • ข้อสังเกตจากสถิติคดี: มีข้อมูลว่าศาลมีการตีความและบังคับใช้มาตรา 112 อย่างกว้างขวาง รวมถึงการตีความให้ครอบคลุมถึงพระมหากษัตริย์ในอดีต ซึ่งบางฝ่ายมองว่าเกินกว่าบทบัญญัติโดยตรง

ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรา 112:

  • การปรับลดโทษ: มีข้อเสนอให้ปรับลดอัตราโทษของมาตรา 112 ให้สอดคล้องกับหลักสากล และเปรียบเทียบกับความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ซึ่งมีโทษน้อยกว่ามาก
  • การจำกัดขอบเขตการบังคับใช้: มีข้อเสนอให้ตีความและบังคับใช้มาตรา 112 อย่างชัดเจนและมีขอบเขต เพื่อป้องกันการตีความที่กว้างขวางเกินไป และการนำไปใช้กับพฤติกรรมที่ไม่สมควร เช่น การแต่งกาย หรือการแสดงออกทางศิลปะ
  • การมีกลไกตรวจสอบ: ควรมีกลไกในการตรวจสอบการแจ้งความและการดำเนินคดี เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งหรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ
  • การยกเลิก: บางองค์กรระหว่างประเทศเสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 โดยมองว่าเป็นกฎหมายที่ล้าสมัยและเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

บทสรุป:

มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในบริบทของประเทศไทย โดยมีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติและการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้เป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวาง โดยมีทั้งผู้ที่เห็นว่าจำเป็นต้องคงไว้เพื่อรักษาความมั่นคงและผู้ที่เห็นว่าควรมีการแก้ไขหรือยกเลิกเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออก ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของประเด็นนี้ และความจำเป็นในการพิจารณาอย่างรอบด้านถึงผลกระทบของกฎหมายต่อสังคมโดยรวม