ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #โดนจับแล้ว ! แอดมิน มธ.หลังซุ้มโพสต์ปลุกระดมมานาน

#โดนจับแล้ว ! แอดมิน มธ.หลังซุ้มโพสต์ปลุกระดมมานาน

18 September 2021
534   0

   น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ด่วน! จับแอดมินเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ” โดนหนัก 2 ข้อหา ไม่รอดคุก!?

โดยระบุว่า จากกรณี เวลาประมาณ 07:00 น. ได้มีตำรวจมาแสดงหมายค้น รุ้ง เบนจา และ นิราภร (บี๋) หลังจากนั้น เมื่อเวลาประมาณ 09:00 น. มีการแสดงหมายจับ นิราภร อ่อนขาว นักศึกษาปี 3 คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยข้อหาตามคดี ม.116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ในขณะเดียวกัน ทวิตเตอร์ เจ๊จุก คลองสาม ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกันว่า ด่วนจับแล้ว Admin เพจแนวร่วม มธ.

รู้ได้ไงว่าเป็นแอดมินเพจแนวร่วม มธ. คะ? ถ้าไม่รู้ศาลเขาจะออกหมายจับเหรอ ยุยงปลุกปั่นนี่ข้อหาหนักเลยน่ะ ไหนว่าคนรุ่นใหม่ฉลาด แต่เกมได้ไง

ลุกฮือกันได้แล้ว ออกมาให้พร้อมกันทั่วประเทศ อย่ามัวแต่ปากดีออนไลน์ จะติดคุกกันหมดแล้ว #ม็อบ16กันยา

ภาพ หมายศาล ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ภาพ หมายศาล ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH


ที่น่าสนใจ ก่อนหน้านี้ (24 ส.ค. 64) ทางเพจ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้โพสต์ข้อความและภาพในทำนองว่า นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข รักษาการผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้รับใบสั่ง…แกนนำที่ถูกควบคุมตัว

ต่อมา วันที่ 29 ส.ค. 64 นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวว่า กรณีมีเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อบัญชีว่า เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม-United Front of Thammasat and Demonstration เผยแพร่ข้อความและปรากฏภาพของ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข รักษาการผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่า เป็นผู้ยับยั้งการเซ็นย้ายตัว นายสิริชัย นาถึง หรือ นิว และ นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ

โดยข้อความเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ระบุถ้อยคำที่เป็นข่าวปลอม หรือเฟกนิวส์ สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง หมิ่นประมาทในที่สาธารณะ และมีเจตนาทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจผิด จึงได้ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ผลิตและเผยแพร่ข้อความดังกล่าวแล้ว

ดังนั้น กรมราชทัณฑ์ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม

ภาพ “ดร.ไชยันต์” โต้ “บก.ฟ้าเดียวกัน” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ภาพ “ดร.ไชยันต์” โต้ “บก.ฟ้าเดียวกัน” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH


ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น “ดร.ไชยันต์” ฟาดกลับ “บก.ฟ้าเดียวกัน” หลังโพสต์ข้อความ หมิ่นเหม่ให้ร้าย “ในหลวง ร.๙”

เนื้อหาระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 64 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งฟ้าเดียวกัน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“วันนี้เมื่อ 64 ปีที่แล้ว
ในหลวง ร.๙ เริ่มละเมิดรัฐธรรมนูญ โดยการลงนามพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร
โดยไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ”

ภาพ นายธนาพล อิ๋วสกุล หรือ บก.ฟ้าเดียวกัน ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ภาพ นายธนาพล อิ๋วสกุล หรือ บก.ฟ้าเดียวกัน ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH


ต่อมา ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร แห่งภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความโต้กลับ นายธนาพล ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีรายละเอียดว่า

คุณ ธนาพล อิ๋วสกุล ได้โพสต์ชวนให้ย้อนกลับไปวันที่ 16 กันยายน เมื่อ 64 ปีก่อน (พ.ศ. 2500)
และกล่าวว่า ในหลวง ร.๙ เริ่มละเมิดรัฐธรรมนูญ โดยการลงนามพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร โดยไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ (ดังภาพแนบ)

ภาพ โพสต์ นายธนาพล อิ๋วสกุล หรือ บก.ฟ้าเดียวกัน ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ภาพ โพสต์ นายธนาพล อิ๋วสกุล หรือ บก.ฟ้าเดียวกัน ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH


รัฐธรรมนูญที่ถูกกล่าวว่า ในหลวง ร.๙ เริ่มละเมิดคือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495

ดังนั้น ผมเลยอยากชวนให้ คุณ ธนาพล ย้อนกลับไปไกลกว่านั้นอีก 4 ปี นั่นคือ วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494

อันเป็นวันที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม และคณะรัฐประหารได้ฉีก รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492

อันเป็นที่มาของการเกิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495
ในวันเดียวกับที่ทำการรัฐประหาร


คณะบริหารประเทศชั่วคราว (คณะรัฐประหาร พ.ศ. 2494) ได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่งตั้งให้ พลตำรวจโท เผ่า ศรียานนท์ เป็นผู้รักษาความสงบภายในทั่วราชอาณาจักร โดยไม่มีพระปรมาภิไธย
แล้วลองคิดพิจารณากันดูนะครับ !

แน่นอน, สิ่งที่น่าคิดพิจารณาอย่างยิ่งก็คือ การทำผิดกฎหมาย อันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง (ม็อบ) การเผยแพร่ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเชิญชวนประชาชนไปร่วมม็อบ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อันเป็นทัศนะส่วนบุคคล ถือว่า ไม่มีข้อยกเว้นในการดำเนินการตามกฎหมาย และไม่มีอภิสิทธิ์ใดคุ้มครอง

ไม่ว่าจะเป็น ข้ออ้าง เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ข้ออ้างใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีสิทธิ แต่ห้ามละเมิดคนอื่น ข้ออ้างเยาวชน นิสิต นักศึกษา ข้ออ้างทำเพื่อผลประโยชน์ประชาชน ซึ่งก็เป็นแค่ข้ออ้าง ฯลฯ

ดังนั้น ตราบใดที่ยังมีกฎหมายบังคับใช้ ยังไม่ถูกยกเลิก ตราบนั้น ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย และตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมาย สืบสวนสอบสวน ทำสำนวนฟ้องต่ออัยการ และอัยการฟ้องศาล ส่วนศาลสถิตยุติธรรม ก็ว่าไปตามกระบวนการ จนถึงที่สุด ว่าผิดจริงหรือไม่ ทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

เมื่อเป็นเช่นนี้ การชุมนุมทางการเมือง การแสดงทัศนะทางการเมือง หรือ แม้แต่ต่อสถาบันฯ ก็จะต้องรับผิดชอบต่อกฎหมายด้วย ถ้าไม่อยากให้ถูกดำเนินคดี ก็ไม่ทำผิดกฎหมาย เท่านั้นเอง เหมือนกับที่ประชาชนคนไทยทั่วไปเคารพกฎหมาย อย่างเสมอภาคกันอยู่แล้ว

ส่วนหากมีกลุ่มบุคคล องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ออกมาปกป้องการทำผิดกฎหมาย หรือ โจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ จนพักหลังดูเหมือนเป็นพวกเดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่เหมือนกัน ว่า มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ แต่ก็มิอาจขัดขวางการดำเนินคดีได้ หรือ แทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยได้

ดังนั้น ถ้าสังคมไทยมีความเห็นใจ เยาวชน นิสิตนักศึกษา ที่ถูกดำเนินคดี ก็ต้องช่วยกันดูแล ไม่ให้พวกเขาทำผิดกฎหมาย เช่น ชุมนุมอย่างสันติวิธี ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิคนอื่น แค่นี้ก็ไม่ต้องมีคดีเกิดขึ้นแล้ว

ส่วนถ้าไม่ทำผิด แล้วยังถูกกลั่นแกล้งรังแก จากเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้มีอำนาจ เมื่อนั้น คนไทยจะออกมาช่วยปกป้องเอง

แต่ถามว่า นักศึกษาที่ถูกจับอยู่ในเวลานี้ เป็นเช่นนั้นหรือไม่ ก็ลองสังเกตดูว่า มีประชาชนคนไทยจำนวนมากลุกฮือออกมาปกป้องหรือไม่ นอกจาก “อีแอบ” ที่ใช้แรงงานเด็ก แค่นี้ก็รู้แล้ว!!!