ประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามัน ได้โพสข้อความทางเฟสบุ๊คระบุว่า อนาคตแห่งความยากลำบากของประเทศ ภายใต้การวางเกมส์ของทุน-คสช. ในช่วงการรัฐประหารที่ผ่านมาเป็นช่วงสำคัญสำหรับการออกแบบเพื่อการยึดกุมประเทศไทย โดยแท้จริงแล้วนั้นข้ออ้างที่บอกว่า คสช.จะเข้ามาเพื่อรักษาความสงบนั้น ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงในการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความสงบของประเทศแต่อย่างใด นั่นหมายความว่า คสช.มีวาระซ่อนเร้นของการรัฐประหารและวาระนี้ ไม่ได้คิดโดย คสช.เพียงลำพัง แต่เป็นการร่วมขบวนยึดกุมประเทศ โดยมีกลุ่มทุนเป็นผู้เล่นหลัก
ตามข้อเท็จจริงนั้นปรากฎว่า สิ่งที่ คสช.มีปฏิบัติการมากที่สุดในเชิงกฎหมายและนโยบายคือ การคุมเศรษฐกิจและทรัพยากรธรรมชาติที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ลองพิจารณาปฏิบัติการของ คสช.
๑.การยึดกุมกลไกสำคัญที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์มหาศาล
สามเดือนแรกของการยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 คสช.ออกประกาศ และคำสั่ง 5 ฉบับ เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการจำนวน 5 ชุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การลงทุน และพลังงาน โดยก่อนการรัฐประหาร คณะกรรมการเหล่านี้มีกฎหมายจัดตั้งอยู่ก่อนแล้ว คือ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
๒.การละเลยและเจตนาทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
โดยการออกมาตรา ๔๔ ในการยึดป่าสงวน – อุทยานแห่งชาติ – พื้นที่สาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกัน เอาไปทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ การแก้กฎหมายพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ให้โรงไฟฟ้าถ่านหินสร้างได้ การแก้ พรบ.รักษาและส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วยการบรรจุเนื้อหา ม.๔๔ เข้าไปในร่าง พรบ.เพื่อให้กิจกรรมเมกกะโปรเจคส์สร้างได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยละเลยกระบวนการรักษาสิ่งแวดล้อมที่มีปัญหามานาน การแก้ พรบ.แร่ ให้สามารถทำแร่ในพื้นที่ป่าได้ เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลทำจะนำไปสู่การทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างมหาศาล
๓.ดึงทรัพยากรของประชาชนเพื่อสนองกลุ่มทุน
การเกิดขึ้นของเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเป็นการนำทรัพยากรของชาติเพื่อไปปรนเปรอกลุ่มทุนต่างชาติ โดยการจัดการให้เป็นเขตอภิสิทธิ์ชน ด้วยการยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายของไทยที่มีอยู่เดิมทั้งกฎหมายผังเมือง กฎหมายอีไอเอ กฏหมายคนเข้าเมือง กฎหมายที่ดิน กฎหมายการเงิน เป็นต้น นับเป็นปรากฎการณ์ที่สำคัญที่ คสช.ออกมาตรการเอื้ออำนวยให้ต่างชาติเข้ามาใช้ประโยชน์บนแผ่นดินไทยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การออกมาตรการเช่นนี้ต้องอาศัยเงินทุนจำนวนมหาศาลและต้องดึงทรัพยากรที่ประชาชนใช้ร่วมกันมาปรนเปรอเขตอภิสิทธิ์ชนแห่งนี้ โดยละเว้นการพัฒนาฐานรากของประชาชนให้แข็งแรง
๔.การยึดกุมระบบอาหารของประเทศไปสู่มือกลุ่มทุน
การออกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช จะเกิดการขยายของการผูกขาดบรรษัทเมล็ดพันธุ์ ตัดสิทธิเกษตรกรเก็บพันธุ์พืชไปปลูกต่อ ทำให้เมล็ดพันธุ์แพงขึ้น ภาคการเกษตรจะถูกครอบงำโดยทุนใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้ระบบอาหารของประเทศถูกยึดกุมโดยการเอื้ออำนวยของรัฐบาล คสช. ระบบอาหารเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับประเทศทั้งการบริโภค การเศรษฐกิจ เมื่อระบบอาหารถูกควบคุมหมายถึงการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของคนไทยทั้งประเทศที่จะถูกควบคุมโดยกลไกทางกฎหมายและนโยบาย ของ คสช.
๗.นโยบายประชานิยมซื้อใจคนเพื่อปิดบังการครอบงำ
คสช.ชูธงการปฏิรูปแต่จนถึงทุกวันนี้ในเชิงโครงสร้างและกฎหมายนั้นนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ต่อการผูกขาดของกลุ่มทุนแทบทั้งสิ้น สิ่งที่ปฏิบัติต่อประชาชนล้วนเป็นนโยบายเชิงสงเคราะห์และประชานิยม ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่านโยบายประชานิยมนั้นเมื่อพิจารณาการไหลของเงินก็จะกลับไปสู่กลุ่มทุน เช่น ช๊อปช่วยชาติ บัตรคนจน เป็นต้น ความอ่อนแอของประชาชนจากรัฐบาลนโยบายประชานิยมจากรัฐบาลหลายสมัยถูกซ้ำเติมต่อจากรัฐบาล คสช. แท้จริงแล้ว นโยบายประชานิยมคือการซื้อใจคนเพื่ออย่าได้ตั้งคำถามกับคนที่ได้ประโยชน์จากการใช้นโยบายนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเมื่อพิจารณาองคาพยพทั้งหมดจากการดำเนินนโยบายของ คสช.จะชัดเจนว่าผลประโยชน์จะต้องอยู่กับใคร
๘. ต้องยึดกุมทั้งระบบและทำให้ยาวนานที่สุด
ยุทธศาสตร์ชาติถูกผลิตออกมาเพื่อสนองวัตถุประสงค์นี้ ภายใต้การออกกฎหมายบังคับว่าการพัฒนาชาติจะต้องทำตามยุทธศาสตร์ชาติที่วางแผนไว้แล้วยาวนาน ๒๐ปี หากไม่ทำตามรัฐบาลและข้าราชการก็จะมีความผิดและแน่นอนการจัดสรรงบประมาณรัฐก็จะเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ พูดให้ชัดขึ้นคือ คสช.ที่กระทำต่อประเทศมาแล้ว ๓ ปี จะทำต่อเนื่องยาวนานอีก ๒๐ปี ภายใต้วิธีคิดที่ผลิตออกมาแล้วจากกฎหมายหมายนับร้อยฉบับภายใต้กลไก สนช. การดำเนินการต่อเนื่องยาวนานเช่นนี้จะนำไปสู่ความยากลำบากและการที่คนในชาติถูกควบคุมโดยไม่ต้องใช้โซ่ตรวน
มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือการควบคุมเพื่อแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินของชาติ
เป็นการควบคุมแบบไม่ต้องใช้โซ่ตรวน
สำนักข่าววิหคนิวส์