ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #อย.โต้เดือดทักษิณ ! สร้างข่าวปลอม ยัน ไฟเซอร์ ไม่มีฉีดในไทย

#อย.โต้เดือดทักษิณ ! สร้างข่าวปลอม ยัน ไฟเซอร์ ไม่มีฉีดในไทย

5 May 2021
669   0

    จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ โทนี วู้ดซัม ได้ร่วมพูดคุยในช่อง CARE Clubhouse x CARE Talk : คิดเคลื่อนไทย พลิกฟื้นวิกฤติโควิด กับ Tony Woodsome โดยพูดถึงการแพร่ระบาดของโควิด 19 และการบริหารจัดการพื้นที่คลองเตย รวมถึง เรื่องวัคซีนที่ล่าช้า ทั้งยังระบุว่า วันนี้ไฟเซอร์ หากเข้าไปดูเว็บไซต์ ประเทศไทยมีเอาเข้ามาแล้ว ไม่รู้เท่าไหร่ แต่ว่า เอาเข้าแล้ว ไม่มาก คงใช้กันไม่มีคน

วันที่ 5 พ.ค.2564  ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลว่า ขณะนี้มีการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาใช้ในประเทศไทยในภาวะฉุกเฉินแล้ว โดยระบุว่า อย.ยืนยันว่าวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ยังไม่ได้มีการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย โดยเราได้ตรวจสอบและยืนยันอีกครั้งว่า บริษัทไฟเซอร์ยังไม่มีการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์เข้ามา

“บริษัทไฟเซอร์ยังไม่ได้มีการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เข้ามา กลไกในการนำเข้ามา 1.บริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย จะต้องยื่นเป็นผู้ขอรับอนุญาตนำเข้า 2.ขออนุมัติยื่นขึ้นทะเบียน 3.เมื่อได้รับทะเบียนแล้วก็จะต้องให้ผู้ได้รับอนุญาต ทำเรื่องขออนุญาตกับ อย. เพื่อนำเข้าอีกครั้ง และเมื่อจะเข้ามาก็ต้องผ่านด่านอาหารและยา จากกองยา

ซึ่งขณะนี้ตรวจสอบแล้วว่า ไม่พบวัคซีนของไฟเซอร์เข้ามา และได้สอบถามไปที่บริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย เขาก็ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการยื่นขึ้นทะเบียน อยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งจะมายื่นขึ้นทะเบียนเร็วๆ นี้ ดังนั้น เขาก็จะไม่สามารถนำสินค้าเข้ามาได้ และทางบริษัท ไฟเซอร์ ยืนยันว่า มีนโยบายขายวัคซีนให้กับภาครัฐเท่านั้น” นพ.ไพศาล กล่าว

นพ.ไพศาล กล่าวว่า อย.ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง และขอเตือนว่าหากวัคซีนหรือยาตัวใดที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และมีการนำเข้าโดยไม่มีทะเบียน ก็ถือว่าเป็นยาที่ไม่มีทะเบียน โทษตามพระราชบัญญัติยา จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนรับทราบ ติดตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของอย. เพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่าวัคซีน ตัวไหนที่ขึ้นทะเบียนและสามารถนำมาใช้ในประเทศไทยได้

นพ.ไพศาล กล่าวว่า ขณะนี้อย. ขึ้นทะเบียนวัคซีนแล้ว 3 ราย ได้แก่ 1.วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และที่ผลิตในประเทศโดย บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด 2.วัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้า โดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ 3.วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลค จำกัด

นพ.ไพศาล กล่าวว่า และอยู่ระหว่างประเมินคำขอขึ้นทะเบียน 1 ราย คือ วัคซีนโมเดอร์นา โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 ราย อยู่ระหว่างทยอยยื่นเอกสารพร้อมประเมินคำขอขึ้นทะเบียนต่อเนื่อง ได้แก่ วัคซีนโควัคซีน โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด และวัคซีนสปุตนิก วี โดยบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนำวัคซีนโควิดยี่ห้อใดก็ตาม เข้ามาฉีดให้คนที่อาศัยในประเทศไทยตามเงื่อนไขต่างๆ เช่น ทางการทูต ได้หรือไม่ นพ.ไพศาล กล่าวว่า ในทางการการทูตนั้นตนไม่ทราบ แต่ ณ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้ามาในประเทศไทยเพื่อใช้แบบใดก็ต้องมาขออนุญาตจากอย.ก่อน ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นยา หรือวัคซีนที่ไม่มีทะเบียน และจากการตรวจสอบยังไม่มีการนำเข้ามาแต่อย่างใด

ต่อข้อถามกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า มีบางเว็บไซต์ ระบุพื้นที่ว่า “ประเทศไทยมีการอนุญาตให้ใช้วัคซีนภายในภาวะฉุกเฉินแล้ว” นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นกับบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเว็บไซต์ของทางบริษัท โดยเว็บไซต์ที่ปรากฎในสื่อต่างๆ เป็นเพียงเว็บไซต์ของสำนักข่าวต่างประเทศแห่งหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าทางบริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทย จะมีการแถลงข่าวชี้แจง เรื่องอีกครั้ง

หน้าที่ 2 จาก 2

ศาลรธน. ชี้ “ธรรมนัส” ไม่มีความผิด ยกหลัก อำนาจอธิปไตยของประเทศไทย โทษจำคุก 4ปี ที่ “เมืองจิงโจ้”  ออสเตรเลีย ไม่มีผลกระทบต่อคดีในเมืองไทย 

วันที่ 5 พ.ค.64 เวลา15.00 น.องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติ รวมทั้งออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง กรณีที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 51 คน ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ ส.ส. ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) และความเป็นรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (10) หรือไม่ จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายอันถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้าซึ่งยาเสพติด

สำหรับกรณีดังกล่าวทาง ร.อ.ธรรมนัส ถูกพรรคฝ่ายค้านกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ศาลออสเตรเลียได้มีคำพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคม 2537 ว่า มีความผิดฐานนำเข้าและค้ายาเสพติด สั่งจำคุก 6 ปี แต่จำคุก 4 ปี ก่อนถูกเนรเทศกลับประเทศไทย จึงมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) และมีการเข้ายื่นเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

โดยล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่สิ้นสุดสมาชิกภาพส.ส. และไม่สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี แม้จะต้องคำพิพากษาต่างประเทศ โดยศาลยกหลักอำนาจอธิปไตย ซึ่งไม่อยู่ใต้อานัติอำนาจอื่น ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของประเทศอื่น