ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #อย่าให้เกิดวิกฤติชาติ

#อย่าให้เกิดวิกฤติชาติ

2 February 2019
1166   0

ตอนนี้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้วพรรคการเมืองใหญ่น้อยต่างก็มุ่งหวังคะแนนเสียงจากประชาชนนำไปสู่อำนาจหรือรางวัลทางการเมืองตามฐานานุรูป

แต่มีอยู่เพียง 3 พรรคใหญ่เท่านั้นที่เป็นสมการสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล นั่นก็คือ

1. พรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
2. พรรคเพื่อไทย ที่สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์หรือดร.ชัชชาติ เป็นนายกรัฐมนตรี
3. พรรคประชาธิปัตย์ ที่สนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ถ้าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยากได้ผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรีก็กาพรรคและผู้สมัครของพรรคนั้นๆ

ถ้าหากการเลือกตั้งราบรื่น และไม่มีเหตุการณ์ยุ่งยากสับสนอื่นๆขึ้นมาผันแปร ผลก็น่าจะออกมาตามที่ประชาชนปรารถนา

แต่คำว่า “ถ้าหาก” และ “ก็น่าจะ” ย่อมบอกในตัวอยู่แล้วว่าอาจเกิดเหตุที่คาดไม่ถึงขึ้นก่อน ในระหว่าง หรือภายหลังการเลือกตั้ง

แต่ถึงอย่างไรเมื่อดูองค์ประกอบและพฤติกรรมของพรรคต่างๆแล้ว การเมืองไทยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเกิดขึ้นได้เลย ทุกอย่างจะวนเวียนอยู่กับวงจรเก่าอย่างแน่นอน

เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งแม้จะไม่มีฝ่ายใดชนะขาดลอย แม้กลุ่ม พท จะมาเป็นที่หนึ่ง พปชร จะมาเป็นที่ 2 และ ปชป จะมาเป็นที่ 3 แต่อาศัยแต้มต่อจาก สว 250 เสียง พปชร ก็จะสามารถตั้งรัฐบาลได้

แต่การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ปกติ ไม่เรียบร้อย ยืดเยื้อยาวนาน
เลือกตั้งหลายครั้งหลายหน ไม่เป็นที่ยอมรับจากประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ธรรมดาที่รัฐบาลทหารที่มาจากการรัฐประหารลงสมัครรับเลือกตั้งจะถูกมองเช่นนั้น จะมีการประท้วงไม่ยอมรับกันจนเกิดการโกลาหลขึ้น

การเลือกตั้งที่ไม่เรียบร้อยเช่นนี้ย่อมเป็นอุปสรรคต่อพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างแน่นอน ใน 3 ประการด้วยกัน คือ
1. พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระราชพิธีที่สำคัญที่สุดและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในการขึ้นครองราชของพระมหากษัตริย์ที่เป็นองค์พระประมุขของประเทศ

2.พระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร

3.ช่วงเวลาการเลือกตั้งซึ่งมีความไม่ปกติ และขัดแย้งในตัวเองเป็นธรรมชาติอยู่แล้วเกิดขึ้นก่อนพระราชพิธีเพียง 1 เดือนเท่านั้น ย่อมสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมากว่าจะเกิดความสงบเรียบร้อยในช่วงพระราชพิธีได้หรือไม่

รัฐบาลจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ลึกซึ้ง และรอบคอบที่สุด หากรัฐบาลปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปโดยคาดว่าจะไม่เกิดปัญหาอุปสรรคใดใด ทุกอย่างสามารถกระทำให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยภายในกำหนดเวลาได้ หรือหากมีเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยประการใดเกิดขึ้น ก็แก้ปัญหาตามสถานการณ์เอาดาบหน้าได้ ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อพระราชพิธีและความมั่นคงของประเทศชาติได้ ซึ่งจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของประเทศชาติเกินจินตนาการ

ในขณะนี้ประชาชนต่างเป็นห่วงใยว่าไม่มีทางออกอย่างอื่นประการใดแล้วหรือ นอกจากต้องเดินหน้าเลือกตั้งไปอย่างนี้และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งไม่พ้น อาจจะเลวร้ายมากขึ้นได้หรือไม่

จึงใคร่ขอเรียนเสนอและเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนไตร่ตรองให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง
แม้การรบและการเมืองอาจมีเป้าหมายเดียวกัน คือรักษาความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน แต่ การรบ ไม่ใช่ การเมือง
การรบ ทหารทิ้งกองทัพไม่ได้
แต่การเมือง บางครั้งผู้นำต้องเสียสละส่วนตัวเพื่อประเทศชาติและประชาชนได้ และได้รับคำแซ่ซ้องสรรเสริญได้

จึงใคร่ขอเสนอแนะว่า รัฐบาลจะเสียสละถวายบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจแต่งตั้งรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้สมพระเกียรติ ศักดิ์สิทธิ์และเป็นศรีสง่าแห่งราชอาณาจักรไทย และขอเลื่อนการเลือกตั้งครั้งเฉพาะหน้านี้ออกไปก่อน และปฏิรูปประเทศสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นเป็นที่ยินดีปรีดาปราโมทย์ของปวงพสกนิกรชาวไทย สร้างความสงบสันติสุขแก่ทุกหมู่ทุกเหล่าและมาร่วมจรรโลงประเทศชาติบ้านเมืองให้เป็นสังคมธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก่อน แล้วจึงค่อยจัดการเลือกตั้งใหม่ให้เป็นของประชาชนทุกคนทั่วกัน

ข้อเสนอแนะนี้ มิได้มีอคติหรือเป็นปรปักษ์ต่อใครหรือฝ่ายใดทั้งสิ้น แต่คำนึงถึงความมั่นคงยั่งยืน ความสงบสันติสุข และความเจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ของประเทศชาติและประชาชนชาวไทยทุกคน และที่สำคัญที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยทุกผู้ทุกนามได้ร่วมรักสามัคคีกันเฉลิมฉลองแซ่ซ้องพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งราชอาณาจักรไทยที่จะทรงนำประชาชนไทยไปสู่อนาคตที่รุ่งเรืองสดใสแดนศิวิไลซ์ตลอดไป

“ ทุกศึกทุกสงครามมิได้เอาชนะด้วยสรรพกำลัง แต่เอาชนะด้วยปัญญาต่างหาก “

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
2 กุมภาพันธ์ 2562,