เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #หมายจับข้าราชการไทย ! เจตนาปล่อยให้เรือประมงถูกจับนอกประเทศ ถึง 5 ลำ

#หมายจับข้าราชการไทย ! เจตนาปล่อยให้เรือประมงถูกจับนอกประเทศ ถึง 5 ลำ

17 September 2022
229   0

 

 

วันนี้ (16 ก.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวการจับกุม 11 ข้าราชการที่ทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยเรือปลอม 5 ลำที่ถูกจับออกนอกประเทศ จากกรณีที่เมื่อเดือนธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการประมง ร่วมกับ “ศรชล.” จับกุมเรือประมงปลอม ลูกเรือรวม จำนวน 22 ราย ซึ่งร่วมกันกระทำความผิดกรณีลักลอบเข้ามาในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ และมีการปิดบังและเปลี่ยนแปลงชื่อเรือ และสัญชาติจากมาเลเซีย เป็นสัญชาติอินโดนีเซีย

ต่อมา ศาลได้มีการพิจารณาคดีเกี่ยวกับเรือประมงดังกล่าวไปแล้ว จำนวน 3 ลำ โดยสั่งริบเรือประมง และปรับเงินจำนวนกว่า 20 ล้านบาท ส่วนอีก 2 ลำ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ในส่วนของเรือประมงที่ยึดไว้ทั้ง 5 ลำ ซึ่งเก็บรักษาไว้ ณ กรมศุลกากรจังหวัดสงขลา ได้เข้าสู่กระบวนการประมูลเรือขายทอดตลาดของกรมศุลกากร แต่หลังจากที่เรือประมงทั้ง 5 ลำ ถูกประมูลไปแล้วนั้น กลับฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าหน้าที่ ลักลอบเดินทางออกไปยังน่านน้ำประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประสานงานกับทางการมาเลเซีย เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมเรือประมงทั้ง 5 ลำ ซึ่งต่อมาทางการมาเลเซียได้ติดตามจับกุมเรือประมงทั้ง 5 ลำไว้ได้ครบถ้วนแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายของทางการมาเลเซีย

นอกจากนี้ เรือประมงทั้ง 5 ลำ ซึ่งกระทำผิด IUU ได้ถูกประกาศเป็นเรือประมงที่ถูกใช้ทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีกำหนดระยะเวลาห้ามใช้เรือประมงทำการประมงเป็นเวลา 5 ปี ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมแล้วที่ สภ.สิงหนคร จ.สงขลา และได้มีการขยายผลดำเนินคดีอีก 10 คดี ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 13 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายประเสริฐ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นผู้แทนเรือ (ชิปปิ้ง) ของเรือทั้ง 5 ลำ และประสานงานนำเรือเข้าและออกจากราชอาณาจักร

เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขยายผลเพิ่มเติมจากกรณีของนายประเสริฐ เกี่ยวกับการลักลอบนำเรือประมงทั้ง 5 ลำ เข้าและออกจากราชอาณาจักร รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของนายประเสริฐ จึงได้ทราบเพิ่มเติมจากนายประเสริฐ ว่า นายประเสริฐได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนเพื่อดำเนินการเสนอผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการขั้นตอนการตรวจเรือเข้าและออกราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการยื่นขอหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าว จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย

[1] ร.ต.ต.หญิง ชนิดา ไขยเสนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. [2] ด.ต.หญิง เรวดี สุพงษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. [3] ด.ต.หญิงคุณภัทร ชโนวรรณ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. [4] ส.ต.อ.หญิง รดา หนูคง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. [5] ว่าที่ ร.ต.ท.ชาตรี อดทน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. [6] ว่าที่ ร.ต.ท.ชินดนัย แก้วศรีราวงษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. [7] นายนิติ อุทุมพร เจ้าหน้าที่ตรวจท่าปฏิบัติการ กรมเจ้าท่า [8] นายจตุพร เคว็จดำ พนักงานตรวจท่าชำนาญการ กรมเจ้าท่า [9] นายอนพัทย์ กอวนิช หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ [10] นายเจตวัฒน์ คมขาว หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และ [11] นายนนทพัชธิ์ อำมัพรพันธ์ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ

โดยทั้ง 11 รายจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอมจะรับผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 4 แสนบาท หรือประหารชีวิต

โดยในวันนี้ (16 ก.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.สิงหนคร ได้รับมอบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 11 ราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ประชาชน และสื่อมวลชน รวมทั้งองค์กรจากต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงสั่งการให้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจนถึงที่สุด ซึ่งจากการขยายผลในกรณีที่เรือประมง 5 ลำที่ได้ลักลอบเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่นั้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนมีการเรียกรับผลประโยชน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการกระทำความผิดของผู้ต้องหา จึงต้องมีการดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทุกราย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีเหตุลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก รวมทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศไทย เกี่ยวกับการปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายในสายตาของนานาประเทศอีกด้วย

ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงการดำเนินการ และการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฎหมาย หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายังศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https:/www.facebook.com/TICAC 2016 หรือ LineOA: @HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุด คือการสแกน QRCODE เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุ และเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าว เพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำผิดต่อไป