วันนี้ (8 ต.ค.68) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจ้งยกเลิกการแถลงข่าวแนวทางการดำเนินการกรณีโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ประกาศหยุดให้บริการผู้ป่วยนอก สิทธิบัตรทอง ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.68 นี้
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้เดินทางมายัง สปสช. เพื่อรับฟังการแถลงข่าวของ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิกาน สปสช. เมื่อทราบว่ายกเลิกจึงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้ตั้งใจและต้องการมาเพื่อรับฟังการแถลงข่าว แต่เมื่อยกเลิกกระทันหันมองว่าผู้บริหารของ สปสช. ไม่มีความจริงใจเหมือนเช่นที่ผ่านมาหลายครั้งที่ตนเคยทวงถามการชำระเงินค่ารักษาผู้ป่วยก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน
หมอเหรียญทอง บอกด้วยว่า รพ. มงกุฎวัฒนะ เป็นโรงพยาบาลเอกชน เปิดรับให้บริการสิทธิ์บัตรทอง ในปี 2563 ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่ สปสช. ยกเลิกหน่วยบริการคลินิกหลายแห่ง จึงได้รับการประสานจาก สปสช. ให้โรงพยาบาลช่วยรับผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทองเข้ารับบริการ และต่อมาก็พบปัญหาการเบิกจ่ายจากคลินิกปฐมภูมิ ซึ่งในครั้งนั้นมียอดค้างจ่ายของ สปสช. กับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ประมาณ 13 ล้านบาท โรงพยาบาลก็ดำเนินการตามขั้นตอน และขณะนี้เรื่องยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาไต่สวนของศาลปกครอง
ต่อมาในปี 2567 เป็นต้นมา ก็พบปัญหาเดิมคือ สปสช. ชำระค่าบริการให้หน่วยบริการล่าช้า ทำให้มียอดค้างชำระอีก ทางโรงพยาบาลพยายามทวงถามเรื่อยมา แต่ไม่ได้รับคำชี้แจงหรือความจริงใจจาก สปสช. และยังมีการปรับเกณฑ์ค่าใช้จ่ายการเบิกจ่ายของผู้ป่วยนอกใหม่ โดยไม่แจ้งให้หน่วยบริการทราบล่วงหน้า ด้วยทำให้มียอดหนี้คงค้างรวมประมาณ 40 ล้านบาท จนถึงปีงบประมาณ 2568 ที่มีการค้างชำระเพิ่มเติมอีก ทำให้ขณะนี้มียอดหนี้รวม 110 ล้าน
หมอเหรียญทอง กล่าวอีกว่า หากตอนนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ยังให้การรักษาผู้ป่วยต่อไปอาจส่งผลให้เกิดปัญหาและกระทบสภาพคล่องทางการเงินของโรงพยาบาล ที่ในขณะนี้เองก็อยู่ในระดับวิกฤต จึงมีความจำเป็นต้องหยุดการให้บริการผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทองไปก่อน จนกว่าจะได้รับเงินที่ค้างอยู่ ซึ่งการหยุดให้บริการนี้อาจส่งผลกระทบกับผู้ป่วยประมาณ 4- 5 หมื่นคน ที่มีสิทธิ์บัตรทองในสังกัดของ รพ. มงกุฎวัฒนะ โดยจะยังคงให้การดูแลผู้ป่วยกลุ่มวิกฤตผู้ป่วยในที่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอยู่
หมอเหรียญทอง บอกด้วยว่า จากเหตุการณ์นี้มองว่า สปสช. กำลังใช้ผู้ป่วยเป็นตัวประกันและไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ที่ผ่านมา รพ.มงกุฎวัฒนะดำเนินการทุกอย่างอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา หากรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็จะไม่ขอรับผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทองตั้งแต่เริ่ม ทุกครั้งที่ติดต่อเพื่อทวงถามเรื่องเงิน ก็จะติดต่อผู้บริหารไม่ได้ วันนี้ที่มาก็ต้องการจะมาเจอ พูดคุยกลับไม่ได้เจออีก”
“ผมต้องการอยากจะเจอเพื่อมาพูดคุยกันว่าจะจ่ายหนี้ผมอย่างไร จะทยอยผ่อนจ่ายก็รับ มีอะไรก็ขอให้มาพูด ที่ผ่านมา ไม่มีการพูด ไม่มีการส่งสัญญาณ มีแต่หลบ เป็นหนี้ต้องใช้ ผมเองก็ต้องกินต้องใช้ มีลูกน้องต้องดูแล ตอนนี้ผมต้องไปกู้เงินธนาคารมาเพื่อจ่ายเงินเดือนพนักงาน ทั้งที่ในชีวิตไม่เคยต้องเป็นหนี้” หมอเหรียญทอง ระบุ