ทีมงานวิหคนิวส์ต้องขอบอกเลยว่า ยิ่งใกล้ถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยในหลวงรัชกาลที่ 9 มากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพสกนิกรไทยต่างโศกเศร้าอาดูรไม่ต่างกัน ในการต้องสูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งอย่างไม่มีวันกลับ
โดยเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ได้เดินทางมายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อตรวจความคืบหน้าการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศฯอีกครั้ง โดยมีนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร รายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน
ทั้งนี้งานก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ ภาพรวมขณะนี้ดำเนินมามากกว่าร้อยละ 70 แล้ว ซึ่งเร็วกว่าแผนที่ตั้งไว้ พระเมรุมาศได้ขยายแบบองค์ประกอบสถาปัตยกรรมแล้วเสร็จ บุษบกประธาน บุษบกซ่างและบุษบกหอเปลื้อง ทั้ง 9 องค์ ได้ติดตั้งองค์ประกอบส่วนเครื่องบน
มีการกรุหลังคารวมทั้งพ่นสีทองทั้งหมดเกือบแล้วเสร็จ เป็นเรื่องราวที่เกิดจากเรื่องจริง ที่ถูกเผยแพร่ และแชร์บนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก เมื่อไม่นานมานี้มีชาวเน็ตออกมาเล่าเรื่องราวชีวิตของเขา โดยเขาเล่าว่า.. พ่อแท้ๆของเราเสียไปตอนเราอายุได้ 12 ปี จากนั้นแม่ก็แต่งงานใหม่ เพื่อให้พ่อเลี้ยงดีกับเราแม่ก็เลยให้เราเปลี่ยนไปใช้นามสกุลพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงเป็นคนโกรธง่าย เอะอะก็จะตีเราท่าเดียว ตอนเราเรียนม.ต้น เพื่อนๆในห้องฮิตกันใส่กางเกงขาบาน ทำหัวสีทอง เราก็ไปทำสีผมบ้าง พอกลับมาก็โดนตีไม่นับ ส่วนเรื่องผลการเรียน แค่เราเกรดตกนิดเดียวก็โดนตีอีก
ไม่เพียงแค่นั้นพ่อเลี้ยงยังบอกให้แม่ลิมิตค่าขนมเรา เรียกได้ว่าแทบไม่ให้เราใช้เงินเท่าไหร่เลย ในขณะที่พ่อแท้ๆเราเป็นคนอ่อนโยน ท่านไม่เคยตีเราเลยสักครั้งเดียว อาจจะเป็นเพราะเราไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อเลี้ยง แกก็เลยไม่รักเราเท่าไหร่ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็บอกว่าพ่อเลี้ยงเราใจร้าย เราก็เลยสาบานกับตัวเองว่าจะตั้งใจเรียน แล้วจะได้ย้ายออกจากบ้านไปจากพ่อเลี้ยงใจยักษ์คนนี้ซะที
ต่อมาเราก็ตั้งใจเรียน ผลการเรียนดีขึ้นเรื่อยๆ สอบได้มหาวิทยาลัยในอีกเมือง พอเข้ามหาลัยก็คบผู้ชายคนนึง เขาก็เป็นคนต่างจังหวัด พอเรียนจบต้องหางานทำ แฟนก็ถามว่าเราอยากไปทำงานที่ไหน เพื่อจะได้ไปให้ไกลจากพ่อเลี้ยง เราก็เลยเลือกที่จะกลับบ้านไปกับแฟน พ่อเลี้ยงโทรมาบอกว่าแต่งงานไปอยู่ไกลขนาดนั้นต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกลับมาบ้านแล้ว! เราเองก็โกรธตัดสินใจว่าไม่กลับก็ไม่กลับ
เรากลับไปที่บ้านต่างจังหวัดของแฟน แล้วอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง บ้านเขาฐานะไม่ได้ดีนัก ไม่สามารถซื้อบ้านอีกหลังได้ เรากับแฟนก็เลยมาเช่าอยู่ข้างนอก ทำงานประหยัดอดออมเก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน พอพ่อเลี้ยงรู้เรื่องจากแม่ก็โทรมาด่าว่าเราหนึ่งยก บ้านช่องมีไม่มาอยู่ต้องไปเช่าอยู่ข้างนอก จากนั้นไม่นานเราก็ตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ เรากับแฟนก็เลยรีบซื้อบ้าน แต่เงินเก็บรวมกับเงินที่ขอยืมมาก็ยังขาดอีก 5 แสน แฟนบอกให้เราไปยืมที่บ้าน แต่เรายอมเช่าบ้านดีกว่าต้องกลับบ้านไปยืมเงิน
ตอนเราท้องได้ 4 เดือน แม่โทรมาบอกว่าพ่อเลี้ยงส่งพัสดุมาให้กล่องหนึ่ง ให้เราเปิดดูด้วย แถมบอกว่าตอนนี้เราท้อง พ่อเลี้ยงกลัวว่าถ้าโทรมาแล้วทะเลาะกันจะกระทบกับลูกในครรภ์เรา เราเปิดกล่องออกดู ในนั้นมีเสื้อผ้าเด็ก รองเท้าเล็กๆหนึ่งคู่ แล้วก็เนื้อแห้ง กุนเชียง ของโปรดเรา ในนั้นยังมีซองเล็กๆอีกซองที่ใส่ถุงหลายๆใบซ้อนกันไว้ พอเปิดออกดูก็เป็นสมุดบัญชีที่มีเงินอยู่ 5 แสน
เราโทรไปร้องไห้กับแม่ แม่บอกว่า “นั่นเป็นเงินเก็บที่พ่อเก็บออมมาหลายปี ตอนแรกคิดว่าจะให้หนูใช้ซื้อบ้านหลังเรียนจบกลับไป แต่พอเรียนจบแล้วหนูก็ไปอยู่ซะไกล พ่อก็อยากดูว่าแฟนหนูเป็นคนยังไง ถึงได้เพิ่งเอาเงินมาให้ตอนนี้ จริงๆแล้วพ่อเลี้ยงดีกับหนูมาโดยตลอด แต่สองคนใจร้อนทั้งคู่ ไม่คุยกันดีๆ ตอนนั้นที่พ่อแท้ๆหนูเสียไป ถ้าไม่ใช่พ่อเลี้ยงเข้มงวด ตอนนี้หนูจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ลูกรู้มั้ย ตอนแม่แต่งงานกับพ่อเลี้ยงหนู ตอนแรกแม่อยากจะมีลูกให้เขาสักคน แต่พ่อเลี้ยงหนูบอกว่า หนูไม่ชอบแกอยู่แล้ว ถ้ามีลูกอีกคนจะยิ่งมีปัญหา แล้วแกก็รักหนูเหมือนลูกแท้ๆมาโดยตลอด”
เราพูดไม่ออก นึกย้อนว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยโทรหาแก เวลาใครถามถึงแก เราก็จะบอกว่าเราสองคนเป็นแค่พ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง แต่แกรักเรามาโดยตลอด แค่ไม่แสดงออกว่ารักเราเท่านั้นเอง เราเสียใจ รู้สึกผิด..