เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #สหรัฐสั่งซ้อมรบใหญ่ ! นำกองกำลังบุกทะเลจีนใต้ กดดันจีน

#สหรัฐสั่งซ้อมรบใหญ่ ! นำกองกำลังบุกทะเลจีนใต้ กดดันจีน

11 July 2020
1273   0

เอเจนซีส์ – ผู้บัญชาการเรือบรรทุกโจมตีกลุ่มที่ 5 ที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน แถลงวันพุธ (8 ก.ค.) เปิดเผยว่า ทหารทุกคนที่ร่วมซ้อมรบทะเลจีนใต้เมื่อวันเสาร์ (4 ก.ค.) ต้องสวมหน้ากากไม่มีเว้น รวมสั่งมีการเว้นระยะห่างทางสังคม ป้องกันโควิด-19 ระบาดซ้ำเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส ธีโอดอร์ โรสเวลต์ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯในรอบ 24 ชั่วโมง มีเคสใหม่เพิ่ม 60,021 ราย



CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้ (8 ก.ค.) ว่า สหรัฐฯในเวลานี้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรวมที่ 3,098,291 คน และเสียชีวิต 134,018 คน ซึ่งในวันอังคาร (7) พบว่า สหรัฐฯมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 60,021 คน สถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ที่ยังคงทวีความรุนแรงไม่หยุดทำให้ล่าสุดมีการออกคำสั่งให้ทหารสหรัฐฯที่ฝึกอยู่ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดความขัดแย้งของโลกให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกคน

การออกคำสั่งครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส ธีโอดอร์ โรสเวลต์ มีการระบาดโรคไวรัสโคโรนาบนเรือทั้งลำ และส่งผลทำให้มีลูกเรือเสียชีวิต


โดย พลเรือตรี จอร์จ วิค็อฟ (George Wikoff) ผู้บัญชาการเรือบรรทุกโจมตีกลุ่มที่ 5 ที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในวันพุธ (8) เกี่ยวกับการฝึกซ้อมในทะเลจีนใต้ที่เกิดขึ้นแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ว่า “เราใช้มาตรการพิเศษป้องกันทหารเรือของเราจากโรคโควิด-19 แต่กล่าวว่า มันยังคงเป็นภัยที่แท้จริงอยู่และมีการเฝ้าระวัง

“ทุกคนทั้งทีม ทุกคนบนเรือ ต้องสวมหน้ากากอนามัย” วิค็อฟกล่าว

ทั้งนี้ ยังพบว่ามีคำสั่งให้มีการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และมีการนำผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาและนักสาธารณสุขมาประจำบนเรือ


โดยในการฝึกครั้งนี้มีกลุ่มเรือโจมตีที่ 11 ที่มีเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส นีมิตซ์ นำ และเรือบรรทุกโจมตีกลุ่มที่ 5 ที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ทำการฝึกซ้อมร่วมกันในวันประกาศอิสรภาพสหรัฐฯที่ตรงกับวันเสาร์ที่ 4 ก.ค.พบว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส นีมิตซ์ และ ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน รวมถึงเรือ และอากาศยานอื่นๆ ได้ดำเนินการฝึกซ้อมในแผนการที่เพิ่มการป้องกันทางอากาศ และขยายขอบเขตการโจมตีระยะไกลจากเรือบรรทุกเครื่องบิน โดยเป็นการโจมตีแบบฉับพลันไปยังพื้นที่ของปฏิบัติการ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 และมีทหารเข้าร่วมกว่า 12,000 นาย อ้างอิงจาก news.usni.org และ CNN