ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #วาระซ้อนเร้น ! แก้รธน.เอี่ยวม๊อบล้มเจ้า

#วาระซ้อนเร้น ! แก้รธน.เอี่ยวม๊อบล้มเจ้า

23 September 2020
1221   0

   เมื่อ 23 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องทำประชามติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนที่จะมีการลงมติรับหลักการในวาระแรกว่า อยากได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และครั้งที่สอง ทำหลังจากส.ส.ร.ยกร่างเสร็จและมีการลงมติเรียบร้อยแล้วให้ทำประชามติสอบถามประชาชนว่า พอใจกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ นอกจากยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้ว การแก้ไขแบบรายมาตราก็มีคำถามเหมือนกันว่า จะต้องทำประชามติถามประชาชนหรือไม่

“ยืนยันว่า ผมไม่ขัดข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ตกอยู่ภายในอาณัติของใคร เคารพเสียงของประชาชนและลูกๆหลานๆที่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ผมอยากให้แก้รัฐธรรมนูญ โดยที่ไม่ขัดกฏหมาย ไม่มีใครนำเรื่องไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า กระบวนการได้รัฐธรรมนูญไม่ชอบ เพราะเมื่อครั้งปี 2555 ที่มีการยื่นแก้ไขมาตรา 291 ในรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อแก้ไขทั้งฉบับก็มีผู้ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า สามารถทำได้หรือไม่ ในที่สุดศาลวินิจฉัยว่า การแก้ไขทั้งฉบับควรผ่านการทำประชามติจากประชาชนก่อนที่จะมีการแก้ไข ผมเชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีคนยื่นให้ศาลตีความเหมือนกับในปี 2555 แน่นอน โดยส่วนตัว ถ้าผมขัดข้องหมองใจหนักๆก็ยินดีลาออกจากส.ว.เพื่อยึดหลักกฏหมายที่ถูกต้อง” พล.อ.ต.เฉลิมชัย กล่าว

ด้านนายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อภิปรายว่า ตนไม่สามารถรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ได้ เพราะประเทศเรากำลังฟื้นและประคับประคองตัวจากโควิด-19 แต่อยู่ๆก็มีเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญขึ้นมาไม่มีสาเหตุ กระทบไปถึงอำนาจส.ว.ที่มีส่วนให้ความเห็นชอบในเรื่องดังกล่าว แต่ไม่มีใครพูดถึงเลยว่าถ้าแก้มาตราใดแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ประชาชนจะหายเดือดร้อนอย่างไร รัฐธรรมนูญไม่ใช่แก้ไม่ได้ แต่เขากำหนดให้แก้ยาก เพราะมันไม่ใช่กฎหมายทั่วไป ถ้าแก้กันง่าย 3 ปี 5 ปีก็แก้อีก บาปเคราะห์ก็มาลงที่ส.ว.หมดเลย จะปิดสวิตซ์ส.ว. จนบางคนทนไม่ได้ จะปิดสวิตซ์ส.ส.บ้าง และมีส.ส.หลายคนบอกว่าถ้าไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ และตั้ง ส.ส.ร. จะเกิดปฏิวัติรัฐประหาร ไม่รู้ว่าเตือนหรือขู่ การปฏิวัติรัฐประหารไม่ได้ทำกันง่ายๆ ทหารก็รักประชาธิปไตยเหมือนกัน ตนรู้ดี เขาไม่อยากทำหรอก แล้วเวลาพูดถึงเรื่องนี้ก็พูดแต่ปลายน้ำ ไม่พูดถึงต้นน้ำ กลางทางว่าเพราะอะไร มันก็เกิดในห้องนี้เท่านั้นที่มันสร้างความกดดัน

นายจเด็จ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ มันเชื่อมโยงม็อบเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา เพราะไม่ได้เรียกร้องประชาธิปไตยเลย แต่มุ่งโจมตีสถาบันฯ เพื่อนสมาชิกบางคนก็เห็นดีเห็นงาม พูดจาอย่างชื่นใจเหลือเกินได้มีโอกาสโจมตี คุกคาม หมิ่นประมาทสถาบันฯ ไม่ทราบว่าหลายๆคน เห็นดีเห็นงามไปได้ด้วยอย่างไร การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จึงมีวาระซ่อนเร้น ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง แต่ทำเพื่อประโยชน์ของคนบางคน บางกลุ่ม บางพรรค ขณะเดียวกันมี ส.ส.หลายคนชอบพูดถึงส.ว.ว่ามาจากการสืบทอดอำนาจเผด็จการ เป็นกากเดนของทรราชย์ เป็นการพูดปลายน้ำ ไม่พูดเลยว่า ส.ว.ชุดนี้มาจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติ 16.8 ล้านเสียง

“การแก้รัฐธรรมนูญ ตั้งส.ส.ร. ต้องใช้เงินประมาณ17,000-20,000 ล้านบาท ในยามนี้ไม่มีใครกล้าพูดว่าเงินจำนวนนี้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย เพราะมาจากภาษีของทุกคน ส่วนถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ อุณหภูมิทางการเมือง ความขัดแย้งจะสูงขึ้นนั้น ไม่จริง ถ้าแก้แล้ว โควิด-19 ดีขึ้น การทำมาหากิน การลงทุนดีขึ้น แก้ไปเถอะ เราต้องมีเหตุผล อย่าเอาแต่ใจตัวเอง จึงอยากฝากไปถึงประธานรัฐสภาว่าอย่าแค่เพียงแต่ให้คนนั้นพูด คนนี้ลง แต่ต้องบอกสมาชิกทุกคนว่าบ้านเมืองเรากำลังมีปัญหา ขอให้ทุกคนร่วมมือกันด้วยเหตุผล”นายจเด็จ กล่าว