วงเสวนา “ปรองดองแบบคสช. เมื่อไหร่จะเจออุโมงค์” ชี้ คสช. ยังไม่ได้ทำเรื่องปรองดอง “อดุลย์” ผิดหวัง นายกฯ ไม่ถอยกลับบ้าน สะท้อนไม่เคยคิดสร้างปรองดอง

ด้าน จาตุรนต์ ติง นายกฯ เจ้าพ่อ เฮทสปีด ระบุ ถ้าสองพรรคใหญ่จับมือตั้งรัฐบาลได้ แต่เกิดยาก-ไม่ราบรื่น เหตุมียุทธศาสตร์ชาติค้ำคอ ถูกไล่ได้ทุกเมื่อ ขณะที่ นิพิฏฐ์ เสนอ ทุกพรรคจับมือตั้งรัฐบาล ดัดหลัง รธน.ไม่เป็นธรรม ไล่ระบบคสช. ส่วน ณัฐวุฒิ เสนอ โละรธน.ให้ ปชช.เลือกสสร.ร่างใหม่
วันที่ 26 พ.ย.60 ที่สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนจัดเสวนาหัวข้อ”ปรองดอง แบบ คสช. เมื่อไรจะเจออุโมงค์ ” มีวิทยากร ประกอบด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ตัวแทนกลุ่มนปช. เห็นตรงกันว่า สามปีกว่าของคสช.ยังไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องความปรองดอง

นายอดุลย์ แสดงความเสียใจที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่รับข้อเสนอของคณะกรรมการศึกษาเรื่องปรองดองชุดของนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งตนร่วมเป็นกรรมการด้วย ที่ให้อัยการสามารถพิจารณายุติคดีที่จะสร้่างความปั่นป่วนในบ้านเมืองได้ และหลายข้อเสนอที่ส่งไปกลายเป็นอุโมงค์ที่ คสช.หาไม่เจอ หากคสช.เต็มใจที่จะสร้างความปรองดองก็น่าจะเกิดขึ้นได้ เมื่อนายกรัฐมนตรีตั้งคำถาม 6 ข้อ ทำให้กลายเป็นคนที่เข้ามาร่วมชกมวยด้วย จึงรู้สึกผิดหวังเพราะนายกรัฐมนตรีควรถอยกลับบ้าน แสดงให้เห็นว่าคสช.ไม่มีความตั้งใจที่จะทำเรื่องปรองดองเลย และอยากเตือน คสช.ว่า สามปีกว่าที่ผ่านมาทุกพรรคการเมืองรวมทั้งประชาชนยอมสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับแนวทางที่คสช.ทำ ไม่ต้องสร้างความปั่นป่วน เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญหลายเรื่องส่วนนายจาตุรนต์ เห็นว่า การที่รัฐบาลเชิญฝ่าย ๆ ต่างไปหารือโดยอ้างเรื่องการสร้างความปรองดองนั้น ความจริงเชิญไปเพื่อปิดปากไม่ให้วิจารณ์คสช. โดยไม่เคยแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผลถึงต้นเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง ในขณะที่สามปีกว่าที่ผ่านมาคสช.ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการมาตั้งแต่ต้น ยังสะสมเงื่อนไขความวุ่นวายมากขึ้น เพราะต้องการบริหารประเทศยาวนาน และมีการใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ในเรื่องสำคัญ ที่กระทบประชาชนและสิ่งแวดล้อม กดคนเห็นต่างไว้ จะทำให้เกิดปัญหากลายเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนมากขึ้นในอนาคต อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังเป็นผู้ใช้คำพูดสร้างความเกลียดชัง ด้วยการใช้ถ้อยคำเหยียดหยามผู้อื่นเป็นประจำ และเห็นว่ายังมีการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญคือเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญที่จะสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมในหลายเรื่อง เช่น หลังเลือกตั้งอาจได้รัฐบาลที่ประชาชนไม่ได้เลือก แต่ถ้าสองพรรคใหญ่จับมือกันมีโอกาสตั้งรัฐบาลได้แต่ก็อาจอยู่อย่างไม่ราบรื่น เพราะมีเงื่อนไขเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ หากไม่ทำก็อาจถูกถอดถอน อย่างไรก็ตามไม่ควรปิดโอกาสการร่วมมือระหว่างสองพรรคใหญ่ หากไม่ต้องการให้คสช.สืบทอดอำนาจต่อไปสิบปีหรือยี่สิบปี

ด้านนายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า คสช.อ้างความขัดแย้งมาเป็นสาเหตุของการยึดอำนาจ จึงควรเร่งสร้างความปรองดองตั้งแต่วินาทีแรก แต่คสช.กลับมาทำในช่วงสุดท้าย ทำให้สังคมไทยอยู่ในอุโมงค์ที่ไม่เห็นแสงสว่าง และเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะหวังให้คสช.เป็นผู้นำทางไปสู่แสงสว่าง สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด แต่รัฐบาลกลับพยายามอยู่ให้นานที่สุด โดยไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์แต่กลับเดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์อยู่ และเปลี่ยนสภาพจากกรรมการมาไล่นักมวยลงจากเวทีแล้วเอาถ้วยรางวัลมาเป็นของตัวเอง ทำให้ความปรองดองเกิดขึ้นยาก อีกทั้งเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญก็ไม่เอื้อต่อความปรองดอง เพราะไม่สามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ หากส.ว. 250 คน ไม่เอาด้วย
เมื่อตั้งรัฐบาลไม่ได้ คสช.ก็อาจใช้เป็นเหตุผลอยู่ต่อ จึงอาจเกิดสภาพที่นักมวยหันมาจับมือกันไล่ถลุงกรรมการ เพื่อเปลี่ยนกติกาที่ไม่เป็นธรรม และเอาระบบที่ไม่พึงปรารถนาออกไป เซ็ตซีโรระบบคสช. ด้วยการที่พรรคการเมืองทุกพรรคจับมือกันตั้งรัฐบาล แทนที่จะสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง

แม้ว่าโอกาสจะน้อยก็ตาม โดยเห็นว่าเราคุยกันด้วยเลือดและชีวิตพอแล้ว ต้องหันมาใช้สันติวิธีขณะที่นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ไม่ตั้งความหวังว่าคสช.จะสร้างความปรองดอง แม้แต่ในร่างสัญญาประชาคมก็เป็นเหมือนคำขวัญไม่มีรูปธรรมในการแก้ปัญหา ในทางกลับกันผู้มีอำนาจก็ยังมีทัศนะเหมือนเดิม และเห็นว่าคำว่าปรองดองกลายเป็นวาทกรรมที่ผู้มีอำนาจเข้ามาต้องพูดแต่ไม่มีความชัดเจนว่าจะทำ ขณะเดียวกันกติกาใหม่ก็ไม่เอื้อให้เกิดการปรองดองแต่จะสร้างความขัดแย้งใหม่ โดยเฉพาะความไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก จึงขอเสนอว่าต้องให้ประชาชนเลือกสสร.มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และลงประชามติ และต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาคำสั่งคสช.เพื่อยกเลิกหรือแปรสภาพให้เป็นกฎหมายปกติ
ที่มา:สยามรัฐ
สำนักข่าววิหคนิวส์
