เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ล้อมจับคาศาลากลาง ! วัฒนธรรมจังหวัดอยุธยา ทุจริต เอาเงินเข้ากระเป๋า

#ล้อมจับคาศาลากลาง ! วัฒนธรรมจังหวัดอยุธยา ทุจริต เอาเงินเข้ากระเป๋า

7 September 2022
283   0

   7 ก.ย.2565 – นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มอบหมายให้ นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษเข้าปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) วางแผนเพื่อทำการจับกุมวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากได้รับแจ้งเบาะแส กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดระนครศรีอยุธยา ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ อนุมัติให้จัดทำโครงการจัดพิธีกรรมทางศาสนาพิธีบวงสรวงเทพยดาผู้รักษาเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ที่วัดใหญ่ชัยมงคล ในวันที่ 23 ส.ค.ซึ่งใช้เงินงบประมาณของสำนักงานวัฒนธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในจำนวน 80,000 บาท

โดยงจุรีพร ขันตี ตำแหน่งวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ อนุมัติให้จัดทำโครงการจัดพิธีกรรมทางศาสนาพิธีบวงสรวงเทพยดาผู้รักษาเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ที่วัดใหญ่ชัยมงคล ในวันที่ 23 ส.ค.65 ซึ่งใช้เงินงบประมาณของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในจำนวน 80,000 บาท

โดยนางจุรีพรได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายงบประมาณ ทำเรื่อง สัญญาว่าจ้าง กับผู้รับจ้างจัดงานโครงการดังกล่าว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80,000 บาท แต่ไม่ได้มีการว่าจ้างกันจริง เนื่องจากผู้รับจ้างไม่ได้เป็นผู้จัดหาหรือจัดทำตามรายการใบเสนอราคา และใบสั่งจ้างของ สำนักงานวัฒนธรรมฯ แต่อย่างใด โดยทางเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมฯเป็นผู้ทำเอกสารการว่าจ้างมาเองทั้งหมดให้ ผู้รับจ้าง ลงชื่ออย่างเดียว

และเมื่อถึงวันที่ 6 ก.ย.65 เงินงบประมาณโครงการดังกล่าวโอนเข้ามา 80,000 บาท ผู้รับจ้างจึงให้เจ้าหน้าที่การเงินทำฎีกา เบิกเงิน โดยให้โอนเงินค่าจ้าง 80,000 บาทเข้าบัญชีธนาคารของผู้รับจ้าง

ต่อมานางจุรีพรได้สั่งการผ่านลูกน้องคนสนิทโทรศัพท์มาสั่งให้ผู้แจ้งไปบอกให้ ผู้รับจ้าง ทำการถอนเงินสดจำนวน 80,000 บาท ออกมา เพื่อจะนำไปมอบให้นางจุรีพร ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 7 ก.ย.65 ซึ่งผู้แจ้งเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการทุจริตเงินงบประมาณแผ่นดินไปโดยมิชอบ และ นางจุรีพร เคยมีพฤติกรรม ทุจริตในลักษณะดังกล่าวหลายครั้งแล้ว เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ

จนกระทั่งวันที่ 7 ก.ย.65 เวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ท. ได้นำเงินสด จำนวน 80,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานแล้ว ไปส่งมอบให้กับนางจุรีพร โดยมีเจ้าหน้าที่ของทั้งสามหน่วยงานได้วางกำลังซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ และเมื่อได้ส่งมอบเงินเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปยังห้องทำงานจุดส่งมอบเงินทันที พร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา โดยได้ตรวจค้นพบว่ามีเงินสดจำนวน จำนวน 79,188 บาท วางอยู่บนโต๊ะทำงานของ นางจุรีพร สอบถามแล้วนางจุรีพรอ้างว่าเป็นเงินที่รับไว้จริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด 

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบเงินสด 79,188 บาทบนโต๊ะดังกล่าวต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่าหมายเลขบนธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ ลงบันทึกประจำวันไว้ทุกฉบับ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่าเป็นความผิดฐาน

1. เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย (ตาม ป.อาญา มาตรา 147) 2. เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตาม ป.อาญา มาตรา 157 3. เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตาม ป.อาญา มาตรา 151 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษดัง กล่าวไว้ดำเนินการสอบสวนต่อไป และ ให้ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ เบื้องต้นในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ซึ่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นแล้วส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป