ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ล่าชื่อไล่ประยุทธ์ ! เพื่อไทยปลุกนอกสภาให้ลงชื่อไล่ผ่านเว็บ

#ล่าชื่อไล่ประยุทธ์ ! เพื่อไทยปลุกนอกสภาให้ลงชื่อไล่ผ่านเว็บ

26 August 2021
832   0

   ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.64 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สมาชิกพรรคร่วมแถลงข่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมลงชื่อโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาล ผ่านเว็บไซต์ www.change.org/prayutge tout ในหัวข้อ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์” เพื่อร่วมแสดงพลังไม่ยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป เนื่องจากเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถ บริหารประเทศล้มเหลวซ้ำซาก ปล่อยปละละเลยทำให้ พี่น้องประชาชนประสบกับภาวะทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ซึ่งการเข้าร่วมลงชื่อในครั้งนี้จะเป็นการแสดงพลังของพี่น้องประชาชนอีกทางหนึ่ง ตามวิถีประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของพรรคฝ่ายค้านในสภา ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.

“พรรคเพื่อไทยขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมแสดงออกด้วยการร่วมลงชื่อ ซึ่งจำนวนผู้ร่วมลงชื่อมากเท่าไร ก็ยิ่งสื่อถึงความปรารถนาของประชาชนได้มากเท่านั้น เพราะเราเชื่อมั่นว่ามือในสภาหรือจะสู้ศรัทธาของประชาชน พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเดินหน้าทำหน้าที่เปิดโปงความล้มเหลวทุกด้าน ที่พล.อ.ประยุทธ์ และพวกได้ทำไว้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่า มือไหนที่ยังมีส่วนโอบอุ้มผู้นำที่ทำร้ายประเทศ ขอให้พี่น้องประชาชนที่อดทนอดกลั้นกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา รอดูการเช็คบิลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น และมั่นใจว่าเสียงจะถล่มทลาย

ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรค ร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า แคมเปญดังกล่าว ไม่ได้เป็นการปลุกระดม แต่เป็นการทำงานแบบประชาธิปไตย และทราบว่าจะมีการอภิปรายคู่ขนานด้านนอกสภา ซึ่งอาจจะเข้มข้นและมีสาระกว่าในสภาก็ได้

เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้มั่นใจว่าจะน็อครัฐบาลได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า อยู่ที่ระดับสำนึกของรัฐ บาล วันนี้ประชาชนน็อครัฐบาลไปแล้ว แต่เชื่อว่าหากถึงมือเราท่านอยู่ก็คงลำบาก
ขณะที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือต้องการแก้รัฐ ธรรมนูญ โดยหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งด้วยระบบบัตร 2 ใบ จะเป็นการส่งเสริมเสรีภาพของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการคิดคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญ ชีรายชื่อ จะสามารถตัดปัญหาเรื่องของการปัดเศษ ที่มีข้อกล่าวหาว่า มีการซื้อเสียงค่อนข้างมาก ในการเลือกตั้งบัตรใบเดียว และ หวังว่า สมาชิกรัฐสภาจะให้ความเห็นชอบ 4 มาตรา ยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินการตามอำเภอใจ แต่ดำเนินการอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ซึ่งพรรคไหน จะลงมติอย่างไร ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค

วันเดียวกัน ที่ประชุมรัฐสภา ได้เข้าสู่การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่…) พ.ศ…. ( แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง) ซึ่งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)จัดทำแล้วเสร็จในวาระสอง

ทั้งนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานกมธ. ได้ชี้แจงว่า กมธ.ได้ปรับแก้ไขรายงานโดยได้ตัดออกหลายมาตรา เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็น อาทิ มาตรา 85 ว่าด้วยการกำหนด ให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ประกาศผลเลือกตั้งภายใน 30 วัน,บทเฉพาะกาล ว่าด้วย กำหนดให้ออกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญภายใน 120 วัน หากทำไม่แล้วเสร็จ ให้ กกต. ออกประกาศเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ทั้งนี้กมธ. ได้คงมาตราที่เพิ่มเติม คือ มาตรา 86 เพื่อปรับตัวเลข ส.ส.ให้สอดคล้องกับหลักการ ที่ให้มี ส.ส.เขต 400 คน และบัญชีรายชื่อ 100 คน และ คงบทเฉพาะกาล ในบทว่าด้วยกรณีที่มีการเลือกตั้งซ่อม จะไม่นำรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมมาใช้บังคับ ยกเว้นมีการเลือกตั้งทั่วไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกได้ท้วงติงและตั้งข้อสังเกตว่าการแก้ไขดังกล่าวอาจผิดข้อบังคับ และขอให้ถอน ญัตติดังกล่าวออกจากระเบียบวาระเพราะเชื่อว่าจะมีผู้ที่ส่งศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงที่มาของส.ส. ดังนั้นการแก้ไขของกมธ. ควรพิจารณาในที่ประชุม ไม่ใช่ใช้มติกมธ. แก้ไขเปลี่ยนแปลง แล้วให้ที่ประชุมอนุญาต

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการลงมติ ผลปรากฎว่า เห็นด้วยกับกมธ. ด้วยคะแนน 357 ต่อ 42 เสียง งดออกเสียง 86 เสียง จากนั้น ที่ประชุมได้อภิปรายในวาระ 2 โดยเริ่มมาตรา 3 ที่ระบุกมธ.แก้ไขยกเลิกมาตรา 83 เรื่องจำนวน ส.ส.จากเดิม 500คน เป็นส.ส.เขต 350คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150คน แก้ไขเป็นส.ส.เขต 400คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100คนนั้น ปรากฏว่า ส.ส.ก้าวไกล และส.ส.พรรคเล็ก ส่วนใหญ่อภิปรายท้วงติง อาทิ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ที่สนับสนุนให้มีส.ส.เขต 350คนและส.ส.บัญชีรายชื่อ 150คน ตามเดิม เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทนวิชาชีพต่างๆ ที่ไม่มีความถนัดลงพื้นที่หาเสียง มีโอกาสเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อได้มากขึ้น ให้ประเทศได้ประโยชน์จากความหลากหลายของผู้สนใจมาทำงานการเมืองให้ประเทศ

นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า สนับสนุนมีส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150คน ป้องกันไม่ให้ซื้อเสียงง่ายขึ้น เมื่อเขตเล็กลงจะซื้อเสียงมากขึ้น เกิดธรรมเนียมเงินไม่มา กาไม่เป็น ระบบส.ส.เขต 400คน บัญชีรายชื่อ 100 คนสร้างปัญหาให้ประเทศมาตลอด เป็นระบบพรรคใหญ่กินรวบ เป็นเผด็จการสภา เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเลือกตั้ง ไม่สะท้อนคะแนนเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ผู้มีอำนาจไม่กลัวผีแล้วเหรอ อดีตเคยกลัว แต่เพียงเพื่อให้ได้ประโยชน์ ก็ลืมอุดมการณ์ เลิกกลัวแล้ว

ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. อภิปรายสนับสนุนให้มีส.ส.แบ่งเขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และให้ใช้ใบเลือกตั้ง 2 ใบ เพราะในการเลือกตั้งส.ส.ปี 62 ใช้แบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวมีปัญหามาก ตั้งแต่เกิดการร้องเรียนต่อกกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงการคำนวณส.ส.ใหม่ ได้เป็นส.ส.อยู่ดีๆ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมและคำนวณคะแนนใหม่ ทำให้ส.ส.ต้องกลับบ้าน รู้สึกสงสาร ฉะนั้น ตนจึงเห็นด้วยที่จะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับประชาชน แต่การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ดูเหมือนประชาชนจะไม่ได้อะไร เพราะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้บัตร 2 ใบ ตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ ที่ผ่านมาการเลือกตั้งมีปัญหาสร้างความแตกแยก ถ้าเราจะแก้รัฐธรรมนูญและให้ประชาชนได้ประโยชน์ต้องใช้เขตเลือกตั้งใหญ่ มีส.ส.หลายคน ไม่ใช่เขตเดียวคนเดียวแบบที่ทำกัน ซึ่งเขตใหญ่ซื้อเสียงยาก ทำให้ได้ตัวแทนของประชาชนอย่างทั่วถึงกว้างขวาง

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.64 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สมาชิกพรรคร่วมแถลงข่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมลงชื่อโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาล ผ่านเว็บไซต์ www.change.org/prayutge tout ในหัวข้อ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์” เพื่อร่วมแสดงพลังไม่ยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป เนื่องจากเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถ บริหารประเทศล้มเหลวซ้ำซาก ปล่อยปละละเลยทำให้ พี่น้องประชาชนประสบกับภาวะทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ซึ่งการเข้าร่วมลงชื่อในครั้งนี้จะเป็นการแสดงพลังของพี่น้องประชาชนอีกทางหนึ่ง ตามวิถีประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของพรรคฝ่ายค้านในสภา ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.

“พรรคเพื่อไทยขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมแสดงออกด้วยการร่วมลงชื่อ ซึ่งจำนวนผู้ร่วมลงชื่อมากเท่าไร ก็ยิ่งสื่อถึงความปรารถนาของประชาชนได้มากเท่านั้น เพราะเราเชื่อมั่นว่ามือในสภาหรือจะสู้ศรัทธาของประชาชน พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเดินหน้าทำหน้าที่เปิดโปงความล้มเหลวทุกด้าน ที่พล.อ.ประยุทธ์ และพวกได้ทำไว้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่า มือไหนที่ยังมีส่วนโอบอุ้มผู้นำที่ทำร้ายประเทศ ขอให้พี่น้องประชาชนที่อดทนอดกลั้นกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา รอดูการเช็คบิลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น และมั่นใจว่าเสียงจะถล่มทลาย

ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรค ร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า แคมเปญดังกล่าว ไม่ได้เป็นการปลุกระดม แต่เป็นการทำงานแบบประชาธิปไตย และทราบว่าจะมีการอภิปรายคู่ขนานด้านนอกสภา ซึ่งอาจจะเข้มข้นและมีสาระกว่าในสภาก็ได้

เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้มั่นใจว่าจะน็อครัฐบาลได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า อยู่ที่ระดับสำนึกของรัฐ บาล วันนี้ประชาชนน็อครัฐบาลไปแล้ว แต่เชื่อว่าหากถึงมือเราท่านอยู่ก็คงลำบาก
ขณะที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือต้องการแก้รัฐ ธรรมนูญ โดยหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งด้วยระบบบัตร 2 ใบ จะเป็นการส่งเสริมเสรีภาพของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการคิดคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญ ชีรายชื่อ จะสามารถตัดปัญหาเรื่องของการปัดเศษ ที่มีข้อกล่าวหาว่า มีการซื้อเสียงค่อนข้างมาก ในการเลือกตั้งบัตรใบเดียว และ หวังว่า สมาชิกรัฐสภาจะให้ความเห็นชอบ 4 มาตรา ยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินการตามอำเภอใจ แต่ดำเนินการอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ซึ่งพรรคไหน จะลงมติอย่างไร ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค

วันเดียวกัน ที่ประชุมรัฐสภา ได้เข้าสู่การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่…) พ.ศ…. ( แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง) ซึ่งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)จัดทำแล้วเสร็จในวาระสอง

ทั้งนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานกมธ. ได้ชี้แจงว่า กมธ.ได้ปรับแก้ไขรายงานโดยได้ตัดออกหลายมาตรา เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็น อาทิ มาตรา 85 ว่าด้วยการกำหนด ให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ประกาศผลเลือกตั้งภายใน 30 วัน,บทเฉพาะกาล ว่าด้วย กำหนดให้ออกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญภายใน 120 วัน หากทำไม่แล้วเสร็จ ให้ กกต. ออกประกาศเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ทั้งนี้กมธ. ได้คงมาตราที่เพิ่มเติม คือ มาตรา 86 เพื่อปรับตัวเลข ส.ส.ให้สอดคล้องกับหลักการ ที่ให้มี ส.ส.เขต 400 คน และบัญชีรายชื่อ 100 คน และ คงบทเฉพาะกาล ในบทว่าด้วยกรณีที่มีการเลือกตั้งซ่อม จะไม่นำรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมมาใช้บังคับ ยกเว้นมีการเลือกตั้งทั่วไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกได้ท้วงติงและตั้งข้อสังเกตว่าการแก้ไขดังกล่าวอาจผิดข้อบังคับ และขอให้ถอน ญัตติดังกล่าวออกจากระเบียบวาระเพราะเชื่อว่าจะมีผู้ที่ส่งศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงที่มาของส.ส. ดังนั้นการแก้ไขของกมธ. ควรพิจารณาในที่ประชุม ไม่ใช่ใช้มติกมธ. แก้ไขเปลี่ยนแปลง แล้วให้ที่ประชุมอนุญาต

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการลงมติ ผลปรากฎว่า เห็นด้วยกับกมธ. ด้วยคะแนน 357 ต่อ 42 เสียง งดออกเสียง 86 เสียง จากนั้น ที่ประชุมได้อภิปรายในวาระ 2 โดยเริ่มมาตรา 3 ที่ระบุกมธ.แก้ไขยกเลิกมาตรา 83 เรื่องจำนวน ส.ส.จากเดิม 500คน เป็นส.ส.เขต 350คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150คน แก้ไขเป็นส.ส.เขต 400คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100คนนั้น ปรากฏว่า ส.ส.ก้าวไกล และส.ส.พรรคเล็ก ส่วนใหญ่อภิปรายท้วงติง อาทิ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ที่สนับสนุนให้มีส.ส.เขต 350คนและส.ส.บัญชีรายชื่อ 150คน ตามเดิม เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทนวิชาชีพต่างๆ ที่ไม่มีความถนัดลงพื้นที่หาเสียง มีโอกาสเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อได้มากขึ้น ให้ประเทศได้ประโยชน์จากความหลากหลายของผู้สนใจมาทำงานการเมืองให้ประเทศ

นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า สนับสนุนมีส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150คน ป้องกันไม่ให้ซื้อเสียงง่ายขึ้น เมื่อเขตเล็กลงจะซื้อเสียงมากขึ้น เกิดธรรมเนียมเงินไม่มา กาไม่เป็น ระบบส.ส.เขต 400คน บัญชีรายชื่อ 100 คนสร้างปัญหาให้ประเทศมาตลอด เป็นระบบพรรคใหญ่กินรวบ เป็นเผด็จการสภา เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเลือกตั้ง ไม่สะท้อนคะแนนเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ผู้มีอำนาจไม่กลัวผีแล้วเหรอ อดีตเคยกลัว แต่เพียงเพื่อให้ได้ประโยชน์ ก็ลืมอุดมการณ์ เลิกกลัวแล้ว

ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. อภิปรายสนับสนุนให้มีส.ส.แบ่งเขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และให้ใช้ใบเลือกตั้ง 2 ใบ เพราะในการเลือกตั้งส.ส.ปี 62 ใช้แบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวมีปัญหามาก ตั้งแต่เกิดการร้องเรียนต่อกกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงการคำนวณส.ส.ใหม่ ได้เป็นส.ส.อยู่ดีๆ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมและคำนวณคะแนนใหม่ ทำให้ส.ส.ต้องกลับบ้าน รู้สึกสงสาร ฉะนั้น ตนจึงเห็นด้วยที่จะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับประชาชน แต่การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ดูเหมือนประชาชนจะไม่ได้อะไร เพราะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้บัตร 2 ใบ ตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ ที่ผ่านมาการเลือกตั้งมีปัญหาสร้างความแตกแยก ถ้าเราจะแก้รัฐธรรมนูญและให้ประชาชนได้ประโยชน์ต้องใช้เขตเลือกตั้งใหญ่ มีส.ส.หลายคน ไม่ใช่เขตเดียวคนเดียวแบบที่ทำกัน ซึ่งเขตใหญ่ซื้อเสียงยาก ทำให้ได้ตัวแทนของประชาชนอย่างทั่วถึงกว้างขวาง