เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ลูกพี่วันเฉิมโผล่ ! อ้าง “ถ้าฟ้าเปิด หลักฐานจะมา” วันเฉิมโดนอุ้มฆ่า

#ลูกพี่วันเฉิมโผล่ ! อ้าง “ถ้าฟ้าเปิด หลักฐานจะมา” วันเฉิมโดนอุ้มฆ่า

16 June 2020
829   0

จักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาหลบหนีคดี หัวหน้าทีม IO ลูกพี่ของวันเฉลิม ได้ให้สัมภาษกับ BBC ว่า

“ไม่อยากจะไปวิจารณ์ถึงขนาดว่าหละหลวม แต่คิดว่าเขาไม่คิดว่าจะเป็นอันตราย เลยปล่อยตัวสบายไปนิดหนึ่ง ตรงนี้เป็นความผิดของรุ่นพี่ ๆ ที่ควรเตือนเขา ผมก็โทษตัวเองด้วย” จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีที่ต้องมาเป็นผู้ลี้ภัยในต่างแดน กล่าวกับบีบีไทย ผ่านการสนทนา ทางแอปพลิเคชัน Zoom

“ผมยอมรับว่าในส่วนตัวของผมเองไม่คิดว่าต้าร์จะเป็นอันตราย ไม่ได้คิดจะเตือนน้องเลย เพราะนึกว่าเขาวางมือทางการเมืองไปขนาดนี้แล้ว ฝ่ายโน้นก็น่าจะรู้ และเลิกจองล้างจองผลาญ” อดีตผู้จัดรายการวิทยุ-โทรทัศน์ ที่วันนี้ต้องอาศัยอยู่ในต่างประเทศ พูดถึงชะตากรรมของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่หายตัวไปตั้งแต่ 4 มิ.ย. 2563

ในการให้สัมภาษณ์ทางออนไลน์กับบีบีซีไทยจากสถานที่แห่งหนึ่ง นายจักรภพ ฟันธงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในกัมพูชาเมื่อกว่าสิบวันก่อนคือการ “อุ้มฆ่า” เพราะสายของเขาที่เป็นทั้งคนไทยและคนกัมพูชาได้ไปดูสถานที่เกิดเหตุแล้ว และให้ข้อมูลที่บ่งชี้ว่ารูปการณ์เป็นเช่นนั้น

“คนที่มา ซุ่มอยู่นานแล้วหลายวัน เหตุการณ์ทำนองนี้ถ้ามันไม่เกิดอะไรขึ้น ก็จะไม่มีใครมาเล่าอะไรให้ฟังว่าเห็นคนมาซุ่มนานแล้ว เห็นคนมีท่าทีแปลก ๆ จนเกิดเหตุถึงได้เอามารวมกันและมาบอกให้เราทราบทีหลัง ซึ่งมันช้าเกินไปแล้ว” อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร กล่าว

เพราะนายวันเฉลิมคือ “เพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน” แต่ได้วางมือทางการเมืองไป 5 ปีแล้ว จึงทำให้นายจักรภพเรียกผู้สั่งการและลงมือในครั้งนี้ว่าเป็นพวก “ไม่มีความคิด ใช้อารมณ์ และความคลั่งอำนาจ” และใช้ข้อมูลเก่ามากมาจัดการกับคนที่คิดว่าเป็นศัตรูทางการเมือง

เพียงไม่กี่วันก่อนเสียชีวิต บุคคลที่เคยทำงานร่วมกันใกล้ชิดกับนายจักรภพคนนี้ เพิ่งโพสต์วิดีโอทางเฟซบุ๊ก Wanchalearm Satsaksit โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างรุนแรง หลังนายกรัฐมนตรีออกมาขอร้องประชาชนว่าอย่าด่าว่าประเทศ ก่อนหน้านั้นเฉลิมยังโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและกองทัพเป็นระยะ

“ถ้าถามส่วนตัวว่าถ้าคนคิดต่างออกไปจากเรา จะต้องมีโทษขนาดนี้เลยเหรอ เราไม่ได้ฉกชิงวิ่งราว ฆ่าข่มขืนใคร แค่ติดต่าง ต้องฆ่ากันเลยเหรอ” น.ส.สิตานัน พี่สาวของนายวันเฉลิม บอกบีบีซีไทยในวันถัดมาหลังจากน้องชายหายตัวไป

การชุมนุมที่หน้าสถานทูตกัมพูชาในไทย

หลังการหายตัวและเป็นข่าวออกไปทั่วโลก องค์กรสิทธิมนุษยชน และสหประชาชาติเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายวันเฉลิม แต่ข่าวที่ออกมาจากพนมเปญ ยังดูเหมือนว่า รัฐบาลไม่เต็มใจที่จะค้นหา

ด้าน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถือว่าวันเฉลิม “ไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง” แม้ในเอกสารของฝ่ายความมั่นคงเองมีชื่อนายวันเฉลิมปรากฏอยู่ในขบวนการหมิ่นสถาบัน

แต่สำหรับคนที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันจากการไปพูดที่สโมรสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย เมื่อปี 2550 นายจักรภพไม่รู้สึกเบาใจที่ รมว. ต่างประเทศจัดให้นายวันเฉลิมเป็นบุคคลที่ไม่มีความสำคัญ แต่กลับยังฝังใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้านอีก 8 คนที่หายตัวไป แม้จะยังไม่มีการพิสูจน์แต่เขายืนยันว่าทั้งหมดถูก “อุ้มฆ่า” และหากนายวันเฉลิมไปแจ้งตัวเองกับสถานทูตไทยในกัมพูชาตามที่นายดอนแนะนำให้คนไทยในต่างประเทศทำนั้น นายจักรภพก็เชื่อว่า “จะเร่งให้ตายเร็วขึ้น”

ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท

แกนนำคนเสื้อแดงที่ประกาศตนเองเคียงข้างนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในยามรุ่งเรืองและร่วงหล่น เชื่อว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ต้องถูกกำจัด เพราะมีความคิดเป็นปฏิปักษ์จากสิ่งที่ทางการไทยต้องการปลูกฝัง และเมื่อ 8 ปีก่อน ขณะหลบอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ก็ได้รับข้อมูลเป็นการภายในที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีผู้ตามล่าตัวเพื่อเก็บเขา

แม้จะมีชีวิตรอดมาตลอด 11 ปี แต่นายจักรภพบอกว่าไม่ได้ตั้งอยู่ในความประมาท และในระหว่างการสนทนาทางออนไลน์กับบีบีซีไทย นายจักรภพใช้อินเทอร์เน็ตผ่านระบบเครือข่าย VPN (Virtual Private Network) ที่เชื่อว่าสามารถป้องกันความปลอดภัยได้ เขายังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเรื่องสัญชาติของหนังสือเดินทางที่ใช้ในปัจจุบัน หลังถูกทางการไทยเพิกถอนหนังสือเดินทาง

วันนี้อดีตนักเรียนนอกทุนฟุลไบรท์ ของสหรัฐฯ นิยามตัวเองเป็นคนที่มีต้นทุนการใช้ชีวิตต่ำ ไม่ติดหรู ไม่ใช่คุณหนูอย่างที่เคยเห็นในเมืองไทย จึงทำให้เขาใช้ชีวิตแบบผู้ลี้ภัยและยังต่อสู้ทางการเมืองได้ แม้จะห่างหายเวทีไปพักใหญ่

ขบวนการเสื้อแดง : ขบวนการต่อสู้เพื่อการเลือกตั้ง

แต่ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรเสรีไทยเพื่อต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมกับแกนนำคนเสื้อแดงอีกหลายคน ยอมรับว่าประสบความล้มเหลวในการยกระดับขบวนการเสื้อแดงให้เป็นขบวนการทางการเมือง

“มีการซื้อตัวคน มีการดึงไปได้รับผลประโยชน์ทางการเมือง มีการยุแยงให้แตกกัน ขณะเดียวกันก็แตกกันเองอยู่แล้วหลายส่วน เนื่องจากขบวนการเสื้อแดงไม่ได้ทำในรูปขบวนการณ์อุดมการณ์ตั้งแต่แรก แต่ทำเป็นขบวนการต่อสู้เพื่อการเลือกตั้ง ก็ทำให้ผลประโยชน์ขัดกันง่าย นี่คือข้อบกพร่องใหญ่…เพราะฉะนั้นการที่มันไม่มีผลต่อประชาธิปไตยนี่มันเป็นเหตุแห่งผลอันเดียวกัน”

นายจักรภพ หลบหนีออกจากประเทศไทยในปี 2552 โดยก่อนหน้านั้นเขาถูกตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา จากการไปพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยเมื่อปี 2550 นอกจากนี้หลังเกิดรัฐประหารในปี 2557 ศาลทหารยังอนุมัติออกหมายจับในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัว ของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) นอกจากนี้ยังมีข้อหาอื่น ๆ ทางการเมือง แต่เขาเลือกไม่กลับไปต่อสู้คดีในประเทศไทย เพราะ “ไม่วางใจกระบวนการยุติธรรม”

จักรภพ เพ็ญแข แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2551 หลังจากถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจากการปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ“ถ้าหากเหตุผลและความยุติธรรมกลับสู่เมืองไทยเมื่อไหร่…เราอาจจะต้องรื้อฟื้นการสอบสวนการรวบรวมหลักฐานขึ้นอีกเยอะ แต่จากที่ผมได้สอบถามเพื่อนฝูงในต่างประเทศ ในประเทศที่มีความขัดแย้งกันอย่างหนัก เช่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ในอดีตยูโกสลาเวีย เขาให้ความรู้ว่ากระบวนการนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ถึงแม้มันจะนาน 20-30 ปี หรือแม้แต่ 50-60 ปี เหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 หรือ 6 ตุลา 19 มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าฟ้าเปิดแล้วหลักฐานก็จะมา บางคนเก็บหลักฐานไว้ เขาเห็นว่าถ้ามันไม่มีประโยชน์ที่จะเปิดเผยเขาก็ปิดบังไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผมมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งนี้จะกลับมา”