เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ร้องปลดผู้ว่า ! ไอติม-ช่อ ยื่น 8 หมื่น อ้าง “ปลดล๊อคท้องถิ่น”

#ร้องปลดผู้ว่า ! ไอติม-ช่อ ยื่น 8 หมื่น อ้าง “ปลดล๊อคท้องถิ่น”

11 July 2022
324   0

   11 ก.ค. 2565 – ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และนายพริษฐ์ วัชสินธุ์ ตัวแทนพรรคก้าวไกล นำรายชื่อประชาชน จำนวน 80,772 รายชื่อ จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยร่วมแสดงพลัง ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น ปลดล็อกทุกพื้นที่ในไทยให้กำหนดอนาคตตัวเองได้ จากแคมเปญ “ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น” มายื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนางผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับเรื่อง

โดย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า คณะก้าวหน้าและเครือข่าย นำรายชื่อ 80,772 รายชื่อมายื่นต่อสภาฯ ในวันนี้ เป็นรายชื่อที่เราภาคภูมิใจ เพราะมีรายชื่อของประชาชนครบทั้ง 77 จังหวัดและใช้เวลารวบรวมเพียง​ 3 เดือน ความจริงมีมากกว่านี้ แต่ติดที่เป็นเยาวชน อายุไม่ถึง 18 ปี จึงทำให้ขาดคุณสมบัติ ข้อสังเกตของเราตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาในการรณรงค์ครั้งนี้ถือว่าพิเศษ โดยเราคาดว่าจะเป็นการณรงค์ที่ยากลำบาก เพราะมีรายละเอียดทางกฎหมาย แต่เมื่อเข้าไปพูดคุยจริง ทั้งมอเตอร์ไซด์วิน พ่อค้าแม่ขาย เกษตรกร นักเรียนนักศึกษา จนถึงพนักงานออฟฟิศ พบว่าทุกคนจากทุกอุดมการณ์การเมือง เข้าใจว่าประเทศนี้ต้องการให้ท้องถิ่นปลดล็อก นั่นคือ การเลือกผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดด้วยตัวเองให้ท้องถิ่นได้เติบโตตามศักยภาพ นี่คือหัวใจของประชาธิปไตยและการพัฒนาประเทศ

กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ความสำคัญของการยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นเป้าหมายทางการเมืองตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ คือการต้องการให้ประเทศไทยยุติทรัพยากร งบประมาณ และอำนาจ ไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อให้แต่ละพื้นที่กำหนดอนาคตและทิศทางของตัวเองเพื่อปลดล็อกประเทศไทยออกจากประเทศกำลังพัฒนาได้ ขณะนี้เรากำลังทำภารกิจ 2 แบบ คือจากบนลงล่าง คือการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อให้เกิดการกระจายทรัพยากร งบประมาณ​ และอำนาจให้ท้องถิ่นทั่วประเทศไทยให้ได้ และจากล่างขึ้นบน คือการสร้างท้องถิ่นที่มีศักยภาพ ทำงานอย่างโปร่งใส และมีวิสัยทัศน์ เพื่อให้ประชาชนเห็นว่า เมื่อมีงบประมาณ อำนาจ และผู้บริหารท้องถิ่นที่มีคุณภาพมากพอที่จะนำงบประมาณมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด

“งานทั้งสองอย่างจะสำเร็จเป็นจริงได้หรือไม่อยู่ที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราคาดหวังว่าผู้แทนราษฎรทุกคนจะเข้าใจว่าเรื่องไม่ใช่เรื่องการเมืองที่พรรคไหนได้ประโยชน์ แต่เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชน 70 ล้านคน ได้ประโยชน์เหมือนกันทั้งหมด หวังว่าทุกคนจะทำหน้าที่ได้สมชื่อ และช่วยกันให้กฎหมายฉบับนี้สำเร็จออกมาเพื่อปลดล็อกโซ่ตรวน ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้” น.ส.พรรณิการ์ ระบุ

ด้านนายพริษฐ์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรมมนูญเรื่องการปลดล็อกนั้น เกิดขึ้นมาจากบนพื้นฐานการพยายามปลดล็อกเศรษฐกิจไทยและส่งเสริมประชาธิปไตยในการบริหารจัดการบ้านเมือง ซึ่งข้อเสนอสามารถแบ่งออกเป็น 3 ข้อ ได้ดังนี้ 1.การกระจายอำนาจให้ประชาชนมีสิทธิที่จะเลือกผู้นำในจังหวัดตนเอง เนื่องจากมีกระแสของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนในจังหวัดอื่นๆ ก็เริ่มตั้งคำถามถึงเรื่องการเลือกผู้บริหารจังหวัดสูงสุดของตนเองได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันประชาชนในจังหวัดอื่นสามารถเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เองได้แต่เราก็เห็นว่าคนที่มีอำนาจสูงสุดคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาจากการแต่งตั้งจากกระทรวงมหาดไทย 2.การกระจายงานให้ท้องถิ่นรับผิดชอบเรื่องการบริการสาธารณะทั้งหมดเป็นหลัก และ 3.การกระจายงบประมาณ ที่ปัจจุบันจะพบว่าท้องถิ่นได้รับงบประมาณเพียงร้อยละ 29 จากทั้งหมด ไม่รวมงบฝากที่นำไปแปะไว้กับจังหวัดต่างๆ ก็จะพบว่าจริงๆ แล้วจังหวัดต่างๆ ได้รับงบประมาณเพียงแค่ร้อยละ 23 เท่านั้น

โดยการมายื่นครั้งนี้มีความคาดหวังว่าประธานรัฐสภาจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณา และ ส.ส. ส.ว. เห็นชอบกับข้อเสนอของเรา โดยอย่ามองว่าร่างดังกล่าวเป็นร่างของพรรคก้าวไกลหรือคณะก้าวหน้า แต่ให้มองว่าเป็นร่างของประชาชนทุกคน และไม่ว่าความคาดหวังในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็จะยังคงผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจ

“ผมขอทิ้งท้ายในทุกครั้งที่มีการยื่นร่างใดๆ ก็ตามที่แก้ไขกฎหมายที่เข้ามาในสภา หลายคนมีข้อสงสัยว่าจะผ่านจริงไหมเป็นไปได้หรือ ผมขอบอกว่าการเมืองเป็นเรื่องของความเป็นไปได้ ไม่นานมานี้ไม่มีใครคิดว่าร่างสมรสเท่าเทียมนั้นจะผ่านในวาระที่ 1 รวมถึง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่จะต้องมีการติดตามต่อไปในวาระที่ 2 และ3 นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่เราไปคุยมาก็เห็นชอบกับการกระจายอำนาจ แต่ก็ตั้งคำถามว่าจะเป็นไปได้หรือ ซึ่งผมก็หวังว่าปรากฎการณ์ของร่างนี้ หากได้รับการตอบสนองได้รับการอนุมัติจากสภา ก็จะเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องของการเป็นไปได้ที่จะคืนความหวังให้ประชาชนต่อการเมืองต่อไป” นายพริษฐ์ ระบุ.