ที่ประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบให้ตั้งกรอบวงเงินรวม 3.2 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากงบปี 2562 ที่ 3 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังเป็นการตั้งงบขาดดุลบัญชี 4.69 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2562 ที่ตั้งงบขาดดุล 4.5 แสนล้านบาท
ภายใต้กรอบงบประมาณดังกล่าว นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า อยู่บนพื้นฐานการจัดเก็บรายได้ของรัฐที่ 2.731 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยปฏิทินงบประมาณไว้ ดังนี้
– 6 ส.ค. สำนักงบประมาณขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
– 9 ส.ค. ส่วนราชการทุกแห่งยื่นคำขอรับการจัดสรรงบประมาณไปยังสำนักงบประมาณ
– ต.ค. 2562-ม.ค. 2563 กระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ของรัฐสภา
– ปลาย ม.ค. 2563 รัฐบาลคาดว่าจะนำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้
นั่นหมายความว่าการใช้จ่ายงบประมาณปี 2563 จะล่าช้าออกไปอย่างน้อย 4 เดือน จากปกติที่จะเริ่มเบิกจ่ายงบในปีงบประมาณใหม่ได้ในวันที่ 1 ต.ค.
สำหรับการประชุมวันนี้เกิดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล มีผู้บริหาร 4 หน่วยงานเศรษฐกิจร่วมด้วย ได้แก่ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ก่อนหน้านี้ ปลัดกระทรวงการคลังเคยออกมาระบุว่า การจัดทำงบประมาณปี 2563 อยู่ภายใต้ประมาณการเศรษฐกิจจะโตที่ร้อยละ 4 ส่วนสาเหตุที่ต้องตั้งงบขาดดุลอย่างต่อเนื่องเพราะต้องใช้งบไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เม็ดเงินสูงสุดราวปี 2565-2566 อย่างไรก็ตามจะไม่กระทบต่อแผนตั้งงบสมดุลที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2573
สำนักข่าววิหคนิวส์