เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #“รัฐบาลถังแตก” ! เพื่อไทยแฉ เหตุจ่อปรับโควิดเป็น “โรคประจำถิ่น”

#“รัฐบาลถังแตก” ! เพื่อไทยแฉ เหตุจ่อปรับโควิดเป็น “โรคประจำถิ่น”

16 March 2022
406   0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ นายัชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลเตรียมผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุข สอดรับการเตรียมประกาศให้โควิด-19เป็นโรคประจำถิ่น ภายหลังนำการรักษาโควิด-19 ออกจากยูเซป แล้วตั้งเกณฑ์ยูเซปพลัสขึ้นมาใหม่นั้น รัฐบาลมีการพิจารณาที่รัดกุมดีแล้ว หรือเป็นเพราะต้องเร่งดำเนินการเพราะถังแตก ไม่มีเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนแล้วกันแน่
.
เพราะยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันรวมการตรวจ ATK ยังเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแทบทุกวัน อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากยังคงแสดงความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ BA.2 ที่มีความรวดเร็วสูง และก่อให้เกิดภาวะ Long Covid แต่หลังจากวันนี้ (16มี.ค.) ผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มสีเขียวจะเข้าถึงการรักษายากยิ่งไปกว่าเดิม และอาจเกิดเหตุโดนปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยสะดวก ทั้งที่การรักษาโรคโควิด19 ควรให้เข้าถึงการบริการทางสาธารณสุขให้เร็วที่สุด
.
นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังประกาศเตรียมให้จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดนำร่องในการประกาศใช้มาตรการโรคประจำถิ่น ผ่อนคลายการรับชาวต่างชาติจากชายแดนกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ (2565) ในขณะที่สถานการณ์การระบาดในจังหวัดยังทรงตัวในระดับค่อนข้างสูง ผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 300 คน/วัน มีผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มในระดับต่ำ เพียงประมาณ 55% หรือต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ จนสร้างความกังวลให้กับคนในจังหวัดอย่างมาก ยิ่งการผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนา และกิจกรรมทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น เกรงว่าคนสุรินทร์จะต้องรับกรรมจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลแทน จึงอยากให้ภาครัฐเร่งวางแผนให้รัดกุม และประชาสัมพันธ์ในเรื่องดังต่อไปนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น ได้แก่
.
1. เกณฑ์การรับวัคซีน และคุณสมบัติของผู้ที่สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศได้
2. มาตรการการตรวจคัดกรอง และติดตามผู้เดินทาง เช่น ต้องตรวจ ATK ณ ด่านชายแดน ทั้งก่อน และหลังผ่านข้ามแดน และการให้เปิด GPS ติดตามผู้เดินทาง
3. เกณฑ์ในการวัดผลการระบาดที่เพิ่มขึ้น และมาตรการรองรับกรณีฉุกเฉิน
4. ความพร้อมของระบบสาธารณสุขในจังหวัด และการเตรียมประสานความร่วมมือจากจังหวัดข้างเคียง
.
นายชนินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลชุดนี้มีผลงานเด่นชัดเรื่องความคิดไม่รอบคอบ และขาดการสื่อสารที่ชัดเจนกับประชาชน ผมในฐานะคนสุรินทร์เข้าใจดีว่า ประเทศไทยต้องไปต่อ เพื่อเปิดให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ แต่การดำเนินการใด ๆ ต้องมีความรัดกุม และมีการสื่อสารกับประชาชนที่ชัดเจน หากยังคิดบริหารแบบขอไปทีอยู่อย่างนี้ ประชาชนคงอยากให้ไป ๆ สักทีเสียดีกว่า
.