เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ระวังเกิดซูเปอร์ม๊อบ ! ดร.เทอดศักดิ์ เตือนพลาดล้มทั้งกระดาน

#ระวังเกิดซูเปอร์ม๊อบ ! ดร.เทอดศักดิ์ เตือนพลาดล้มทั้งกระดาน

4 May 2020
2042   0

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า ระวังเกิดซูเปอร์ม๊อบ

เงินกองทุนประกันสังคม ที่มีเงินสะสมกว่า 2 ล้านๆบาท ที่ถูกหลายรัฐบาลเอาไปตั้งเป็นกองทุน ซื้อหุ้นบริษัท เอกชน พันธบัตรรัฐบาล ฯลฯ ที่เป็นเงินมาจาก การสมทบของนายจ้างและลูกจ้างที่หักจากเงินเดือนทุกเดือน ร้อยละ 4-5 ติดต่อกันนานหลายสิบปี ความล่าช้าในการเยียวยา จ่ายได้เพียง 1.6 แสนรายในระบะเวลา1-2 เดือน สำนักงานประกันสังคมพบว่ามีผู้มาขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน 1.2 ล้านคน ที่จะได้รับสิทธิรายละไม่เกิน 9300 บาทไม่เกิน 90 วัน

คาดว่าจะคิดเป็นเงินทั้งหมดจำนวน 20,000 – 30,000 ล้านบาท กองทุนว่างงาน ปัจจุบันมีเงินกองทุนว่างงานอยู่จำนวนกว่า 160,000 ล้านบาท ซึ่งมีเพียงพอต่อการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน โดยความล่าช้าในการจ่ายเงินเยียวยา นายจ้างมิได้ยืนยันการหยุดการทำงาน หรือปิดกิจการ พักงานชั่วคราว และเกิดจากระบบที่มีปัญหาในการออนไลน์

สาเหตุจากนายจ้างมิต้องการแสดงว่าปิดกิจการ พักงาน เพราะส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับในอนุญาตการขอเปิดกิจการ เช่น โรงแรม สถานบริการ ร้านค้า บริษัท ฯลฯ เพราะหากแจ้งพักงาน หรือปิดกิจการ จะส่งผลต่อใบอนุญาตประกอบการ ที่ทำเรื่องเปิดยากใช้เวลานาน เสียค่าใช้จ่ายสูง จนประกันสังคมบางจังหวัดต้องขนพนักงานไปกดดันนายจ้าง ให้ยินยอมเซ็นต์พักงาน หยุดกิจการ จึงจะได้รับเงินเยียวยา

ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคม ได้จ้างเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพิ่มขึ้นถึง 1200 คน จึงควรพิจารณาแก้ระเบียบให้เจ้าหน้าที่ทำการพิจารณา จ่ายเงินเยียวยาให้ลูกจ้าง ที่มาขอรับสิทธิ จากการถูกสั่งเลิกจ้าง พักงานชั่วคราว หรือเฉพาะบางวันได้เลย เพื่ออำนวยความสะดวก และสั่งการไปยังมหาดไทย และพาณิชย์ มิให้การแจ้งปิดกิจการ พักงาน ช่วงแพร่ระบาดโควิด กระทบต่อใบอนุญาตประกอบการ มิจำเป็นต้องมาแจ้งขอใหม่ ในการเปิดดำเนินการ ก็จะสามารถจ่ายเงินชดเชยเยียวยาได้ตามกำหนด ให้แก่ผู้ทุกข์ร้อน โดยต้องแจ้งผ่านสื่อมวลชน

ส่วนระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น จะมีเงินเยียวยาเพียง 3 เดือน หากไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ให้แล้วเสร็จ ให้ประชาชนดำรงค์ชีวิตได้ตามปกติ ภายในกรกฎาคม เงินเยียวยาจะหมด ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำถึงขีดสุด แรงกดดันจากผลกระทบจากการถูกล๊อคดาว์ที่ยาวนาน จะทำให้ประชาชนอดรนทนไม่ไหว ประกอบกับการยุยงของกลุ่มนักการเมือง ที่ต้องการมีอำนาจ จะทำให้เกิดม๊อบครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากการเมือง ผสมปากท้อง การฆ่าตัวตาย ฯลฯ

ซึ่งเคยเกิดลักษณะนี้มาแล้วในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1-2 ตามทฤษฎีมาร์คซีส ที่ทำให้ 1 ใน 3 ของโลกเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ที่ยึดวาทกรรม ทักเทียม เสมอภาค ยุติธรรม

จึงต้องเร่งรัดในการแก้ไขปัญหาระยะกลางและยาว การสร้างงาน ขุดรอก ห้วย หนอง คลอง บึง ฝึกอาชีพ ลดราคาสินค้า ส่งออกสินค้า สุ่มตรวจคนติดไวรัส ฯลฯ นั้น ได้ดำเนินการตามหลักยุทธการ “ไวรัสพินาศ ประชาชนพ้นภัย” แล้ว แต่ต้องเร่งรัดคำสั่งการสวมหน้ากาก-ถุงมือ ใส่รองเท้าให้มิดชิดมิใช่เพียงขอความร่วมมือ ในยามออกเคหะสถาน ผ่อนปรนคำสั่ง 1 พค.2563 โดยเฉพาะการข้ามจังหวัด เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ปกติในเร็ววัน สิ่งเหล่านี้คือหลักการบริหารชั้นสูง ในยามสถานการณ์วิกฤติ นั้นเอง

“ ยึดอำนาจที่ว่ายาก แต่รักษาอำนาจมันยากกว่า “

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
4 พฤษภาคม 2563