ขึ้นสกัดกั้นเครื่องบินสอดแนม EP-3 Aries ของ ทร. สหรัฐฟฯ ในระยะ 5 ฟุต เหนือทะเลดำหน้าบ้านรัสเซีย
วันที่ 29 ม.ค. 61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า “รัสเซียสกัดกั้นเครื่องบินสายลับของสหรัฐฯ ในน่านฟ้าสากลเหนือทะเลดำ” (Russia Intercepts US Spy Plane in International Airspace Over Black Sea)
ส่วน CNN พาดหัวข่าวว่า “เครื่องบินเจ็ตของรัสเซียเข้าใกล้เครื่องบินกองทัพเรือสหรัฐฯ ในระยะ 5 ฟุต เพนตากวนกล่าว” (Russian jet flies within 5 feet of US Navy plane, Pentagon says)
สื่อรัสเซียรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้ยืนยันว่า หนึ่งในเครื่องบินรบ Su-27 ของรัสเซียได้สกัดกั้นเครื่องบินสอดแนม EP-3 Aries ของกองทัพเรือสหรัฐในน่านฟ้าสากล เหนือทะเลดำเมื่อวันจันทร์นี้ เพนตากอนโวยวายการสกัดกั้นในครั้งนี้ว่า “ไม่ปลอดภัย” (unsafe) แต่กรุงมอสโคตอบโต้ว่า ตนเองได้ใช้ “ความระมัดระวังที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว” เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เป็นอันตราย
พ.ท.ญ. Michelle Baldanza โฆษกเพนตากอนกล่าวอ้างว่า เครื่องบินของรัสเซียได้บินเข้าใกล้เครื่องบินสอดแนมของสหรัฐฯ ในระยะ 5 ฟุต บีบให้สหรัฐฯ ต้องเปลี่ยนเส้นทางและยกเลิกภารกิจก่อนครบกำหนด
หล่อนกล่าวอีกว่า การสกัดกั้นในครั้งนี้เป็นการดำเนินการที่ไม่ปลอดภัย เนื่องจากอากาศยานของรัสเซียได้บินตัดหน้าเครื่องบิน Aries ทำให้เกิดลมหมุนต่อเครื่องบินของอเมริกันจากการมาของอย่างกระทันหันของ Su-27 ส่งผลให้เครื่องบิน Aries หมุนเอียง 15 องศา และเกิดความปั่นป่วนของอากาศที่รุนแรง (violent turbulence)
แถลงการณ์อีกฉบับหนึ่งมาแบบสุภาพจากกองทัพเรือสหรัฐฯประจำยุโรป-แอฟฟริกา ซึ่งเป็นการยืนยันข้อกล่าวหาของเพนตากอนว่า “วันที่ 29 มกราคม 2018 อากาศยาน EP-3 Aries ของสหรัฐกำลังบินอยู่ในน่านฟ้าสากลเหนือทะเลดำ ถูกสกัดกั้นโดยเครื่องบินรบ Su-27 ของรัสเซีย” ในการเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเมื่อวันจันทร์นี้
“การสกัดกั้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ปลอดภัย เนื่องจาก Su-27 ได้เข้าใกล้ในระยะฟ้าฟุต และได้บินตัดเส้นทางการบินของ EP-3 โดยตรง ทำให้เครื่องบิน EP-3 ต้องบินฝ่ามวลอากาศที่ปั่นป่วน (jet wash) จาก Su-27 การสกัดกั้นกินเวลานานถึง 2 ชั่วโมง 40 นาที”
กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยอธิบายว่า พวกเขาได้ใช้ความระมัดระวังที่จำเป็นทุกอย่างแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อันตรายระหว่างการบินสกัดกั้น
“ลูกเรือของเครื่องบินรบได้รายงานรูปพรรณของอากาศยานสอดแนมของอเมริกันและการเข้าบินร่วมกับเครื่องบินสายลับลำนั้น ได้ป้องกันเครื่องบินสหรัฐฯ จากการละเมิดน่านฟ้าของรัสเซีย ในขณะเดียวกันก็ได้ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นทุกอย่าง” แถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าว
“เครื่องบินรบ Su-27 ของรัสเซียได้ปฏิบัติการบินทั้งหมดอย่างเข้มงวดตามกฎระเบียบระหว่างประเทศในการใช้น่านฟ้าสากล ไม่มีสถานการณ์พิเศษใดๆ (No extraordinary situations) เกิดขึ้นระหว่างการสกัดกั้น” แถลงการณ์กล่าวเพิ่มเติม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในน่านฟ้าสากลเหนือทะเลดำ เพียงไม่กี่ไมล์จากน่านฟ้าของรัสเซีย ทั้งนาโต้และรัสเซียต่างก็แสดงการปรากฎทางทหารอย่างมีนัยที่สำคัญในภูมิภาคนี้
รายงานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ CNN อ้างว่า มีการเผชิญหน้ากันระหว่างเครื่องบินสอดแนม P-3 Orion ของสหรัฐกับเครื่องบินรบ Su-30 ของรัสเซีย (เหนือทะเลดำ) แถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศได้พิสูจน์แล้ว่า รายงานข่าวดังกล่าวมีความผิดพลาด
ในเดือนธันวาคม เครื่องบินรบ F-22 ของสหรัฐฯ สองลำ ได้สกัดกั้นเครื่องบินรบโจมตีภาคพื้นดิน Su-25 ของรัสเซียสองลำในน่านฟ้าซีเรีย (ซึ่งสหรัฐอ้างว่าเป็นน่านฟ้าของตนเอง แต่รัสเซียส่งเครื่งอบินรบ Su-35S เพียงลำเดียวขึ้นขับไล่ F-22 ทั้งสองลำของสหรัฐได้สำเร็จ ต่อมาสหรัฐก็โวยวายว่ารัสเซียบินไม่เป็นมืออาชีพและบินอันตราย ยกแรกเจอกัน 1 ต่อ 1 ยกที่สอง 1 ต่อ 2 F-22 เป็นฝ่ายหนี หลังเผชิญหน้ากันนานราว 40 นาที)
ก็เหมือนกับเหตุการณ์ในทะเลดำ ทั้งสองฝ่ายต่างก็โทษกันไปมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น: สหรัฐฯ อ้างว่าจำเป็นต้องสกัดกั้น Su-25 ของรัสเซีย หลังจาก Su-25 ของรัสเซียข้ามเส้นลดความขัดแย้งหลายครั้ง (ในซีเรีย) กรุงมอสโคอ้างว่า เครื่องบินของตนองไม่ได้กระทำในสิ่งที่ว่านั้นเลย และ F-22 ก็เข้าสกัดกั้น Su-25 โดยผิดกฎหมายด้วย
ที่มา : เพจ ปอกเปลือก ทรราช
https://sputniknews.com/russia/201801291061169103-russia-intercepts-us-spy-plane/
https://sputniknews.com/russia/201711281059497941-russia-fighter-intercept-us-reconnaissance/
https://edition.cnn.com/2018/01/29/politics/russia-jet-us-navy-black-sea/index.html
http://www.foxnews.com/world/2018/01/29/russian-fighter-jet-buzzes-us-spy-plane-in-black-sea-navy-says.html
สกฤษฏ์ สุวรรณรัตน์
สำรักข่าววิหคนิวส์