ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #มหาสมปอง รู้ตัวใกล้จบ ! เผยอาชีพหลังพ้นผ้าเหลือง

#มหาสมปอง รู้ตัวใกล้จบ ! เผยอาชีพหลังพ้นผ้าเหลือง

12 October 2021
632   0

 

   เป็นกระแสดรามาอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ พส. “พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต” ระบายความรู้สึกหลังไลฟ์สดร่วมกับ “พระมหาไพรวัลย์” โดยช่วงนึงเล่าความอัดอั้นที่ถูกคนจ้องจับสึกจนร้องไห้ออกมา จนทวิตเตอร์ร้อนเป็นไฟ แห่เซฟกันกระหน่ำ ล่าสุดในงานเปิดร้าน KURO TEA Mania ของ “ปิ๋ม ซีโฟร์” พระมหาสมปองได้เผยความรู้สึกที่ชาวเน็ตแห่เซฟว่า ปลื้มใจและดีใจ แต่ถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องขึ้นเทรนด์ก็ได้

“เจริญพรครับ ไม่จำเป็นไม่ต้องขึ้นก็ได้ (หัวเราะ) แต่มันจะมีว่า #save หรือ #แบน เขาจะขึ้นแบบนี้เลย แต่ถ้า #save ก็ดี แต่ถ้า #แบนมันก็ไม่ดี จริงๆ มันก็ปลื้มใจดีใจอยู่นะที่ขึ้น ก็ไม่เคยว่าชีวิตจะต้องมาขึ้นที่หนึ่ง 2-3 รอบ ตั้งแต่มาแบทเทิลกับท่านมหาไพรวัลย์ ขึ้นทีนึงก็ดีใจ ปลื้มใจแหละครับ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องขึ้นหรอกครับ เจริญพร (ยิ้ม)”

ร้องไห้เพราะอัดอั้น
“ก็อัดอั้นครับ เราก็รู้สึกว่าเราก็ทำงานของเราในช่องทางของเราเล็กๆ บรรยายธรรม คนฟังหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น ก็เป็นลูกเพจเรา ถ้าเทียบกับคน 70 ล้านคนในประเทศไทยมันก็ไม่ได้มากมายอะไร เราไปช่วยน้ำท่วมอาจจะเป็นพันๆ แห่งนะ พันๆ หมู่บ้าน หลายแสนซอย เราก็ช่วยได้แค่ 4-5 ซอย 2-3 หมู่บ้าน เป็นงานเล็กๆ ช่วยเหลือคนเล็กๆ เท่านั้นเอง ก็เลยคิดว่าถ้ามีคนหมั่นไส้ก็ไม่น่าจะหมั่นไส้เรา มันก็เป็นการช่วยที่ทุกคนควรช่วยไป อะไรที่ทุกคนช่วยได้ บางคนอาจจะอ้างไปถึงว่าน่าจะเป็นหน้าที่ของคนนั้นคนนี้ เพราะถ้าอ้างไปอ้างมาคนที่เดือดร้อนอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร อาตมายังแนะนำท่านที่กำลังจะลงสมัครส.ส. แถวบางกะปิท่านนึง ท่านบอกหาเสียงทุกวันเลย หาเสียงด้วยการช่วยเหลือคน ด้วยการทำงาน ไม่ต้องพื้นที่เราได้ไหม พื้นที่อื่นๆ ท่านก็ไปอยู่แล้วซะด้วย

อาตมาก็ไม่รู้ถ้าพูดไปอย่างนี้ว่าส.ส.ทุกท่านลงพื้นที่เลย ไม่ต้องพื้นที่ตัวเองก็ได้ ลงพื้นที่ตัวเองก่อน หลังจากนั้นก็พื้นที่อื่น ถ้าพื้นที่เราไม่ท่วม เราก็ไปช่วยพื้นที่อื่น ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ก็หาเสียงทุกวันด้วยการทำงาน ทำหน้าที่ของท่าน ไม่ต้องให้ใครเรียกหา ไม่ต้องเรียกหาเราก็ไป เพราะการทำดีมันไม่น่าจะต้องมีเขต มีพรรคนะ ไม่ใช่ว่าผมไม่รับของคุณหรอกครับ เพราะคุณไม่ใช่พรรคที่ผมเลือก คงไม่มั้งครับ คนที่เดือดร้อนเขาขอบคุณหมดแหละ เพราะพอเราไปของแค่ 100-200 ชุด บางทีมัน 2-3 หมื่นนะ ข้าวแค่ 100 ถุงบางทีเกือบ 3 หมื่นนะ แสดงว่าท่านที่แจก 300 500 1,000 ชุดนี่ท่านใช้งบส่วนตัวท่านขนาดไหน หรือท่านอาจจะรวบรวมมาจากพี่ จากเพื่อน จากน้องขนาดไหน มันไม่ได้ง่าย ฉะนั้นก็ทำเลยครับ

ถามว่าอึดอัดอะไร มันก็เริ่มจากที่คนจับจ้องว่าจะจับสึกอยู่ ซึ่งสึกน่ะมันไม่ยากหรอก เราหมดคุณค่า เราไม่ได้มีประโยชน์อยู่ตรงนี้ ประโยชน์จากที่เราได้ทำงานน่ะ เหมือนถ้าอาตมาสึกไป พูดเรื่องนี้อาจจะมีถอนหายใจหน่อยนะ เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้มีประโยชน์ตรงนี้ ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะทำตรงนี้ เขาก็สึกไป เขาก็ไปเป็นครูบาอาจารย์ ทำนั่นทำนี่หลายสิ่งหลายอย่าง เพราะเขามีประโยชน์ มีคุณค่า ณ ตรงนั้น แต่ถ้าวันนึงเราไม่มีงาน เราไม่ได้รู้สึกว่ามีคุณค่าหรือมีประโยชน์ ณ ตรงนี้แล้ว เราก็ออกไป พูดถึงท่านไพรวัลย์ให้ก็ได้ จริงๆ ท่านไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ท่านจะออกตั้งนานแล้ว ด้วยแม่ท่านป่วย ท่านอยากไปดูแลโยมแม่ท่าน แต่พอท่านมีลูกเพจเยอะ ท่านมีงาน มีคุณค่า มีประโยชน์ตรงนี้ท่านก็อยู่”

ไม่ต้องห่วง ถึงเวลาจะไปเอง
“แต่ไม่ต้องห่วงนะใครอยากให้เราสึกน่ะ ถึงเวลาเราก็ไปแหละ ไม่ต้องมาจ้องเรา มันอึดอัดตรงนี้มากกว่า จริงๆ อาตมาตั้งใจจะอยู่วงการนี้แค่ปีเดียว เป็นสามเณรสักปีนึง แล้วก็เลยมา 10 ปี มาเป็นพระอีก 20 ปี ปีนี้เข้าปีที่ 21 เพราะเราเรียนหนังสือ เราถึงอยู่ได้นาน เห็นว่าเรื่องเรียนก็มีปัญหาอีกแล้ว จะไม่ให้เรียนนั่น ไม่ให้เรียนนี่ โอ้โห ยุคนี้จะมาจำกัดอีก อาตมาก็ไม่อยากพูดถึง เดี๋ยวจะหาว่าละเมิด (ยกมือไหว้) ซึ่งมันใช้สัญชาตญาณด้วยซ้ำไป ไม่ต้องมีความรู้อะไรเลย มันก็ไม่ควรจะมาห้ามใครเรียนอะไรหรอกนะ แค่นี้พอเดี๋ยวหาว่าอาตมาละเมิด พูดอะไรไม่ได้แล้วทุกวันนี้

มันก็เลยอึดอัด จะมาจ้องเราทำไม เราก็เป็นพระเล็กๆ รูปนึง ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ไม่มี ยศถาบรรดาศักดิ์ก็ไม่มี เงินทองก็ไม่ได้มี กว่าลูกเพจจะโอนมา 5 บาท 10 บาทโอ้ย รู้สึกจะมี IO โอนมา 1 บาทด้วยนะ หรือใครไม่รู้โอนมานี่แหละ แต่อะไรที่เราผิดพลาดเราก็พยายามแก้ไขให้มันถูกต้อง ปรึกษาท่านพส.ไพรวัลย์บ้าง ท่านก็บอกว่าอย่าไปเอาการใหญ่ เอากัณฑ์เทศน์นี่แหละ ส่วนเราอยากจะไปทำอะไรก็ไปทำ ไม่ต้องไประบุ ท่านเรียกผมอาจารย์ บอกอาจารย์ไม่ต้องไปหน้าใหญ่ใจโตหรอก ก็ติดกัณฑ์เทศน์นี่แหละ แล้วจะไปช่วยใครที่ไหนก็สิทธิของเราอยู่แล้ว ก็ว่ากันไป ไม่รู้ใครจะมาวิเคราะห์อะไรอีกหรือเปล่านะครับ ก็แค่พูดอะไรยังไม่ได้ ก็เลยอึดอัด แต่อาตมาไม่ยอมรับว่าตัวเองร้องไห้นะ เพราะมันไม่ได้ไหลออกมา ถ้าไหลอาตมาจะนับ แค่คลอๆ แต่ก็มีเช็ดนะ (หัวเราะ)”

เผยไม่เกี่ยวไลฟ์กับพระมหาไพรวัลย์ เพราะโดนมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ชี้แคปไว้หมด คนแนะสึกแล้วให้ไปเล่นตลก เตะบอล ไปเป็นดารา
“ไม่หรอก อาตมาก็โดนมาเรื่อย บอกว่าให้สึกมาเล่นตลกกับพี่หม่ำ เท่ง โหน่งไหม อาตมาเคยไปขอแล้ว แต่เขาบอกไม่เอา คนครบแล้ว ครบเครื่องตัวชง ตัวตบแล้ว แต่อาตมาชอบนะ อาตมาแคปไว้เลยนะใครบอกว่าสึกมาแล้วให้ไปทำอะไรน่ะ สึกไปเตะบอลเลยสิชอบไปสนามบอล สึกไปเล่นตลกเลยสิ สึกไปเป็นดาราเลยไหม อาตมาแคปไว้หมดแล้วนะ วันที่สึกอาตมาจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวแล้วขึ้นจอเลยว่ามีคนอยากให้สึกไปเล่นตลก ซึ่งพี่บอล เชิญยิ้มบอกถ้าพระอาจารย์มาผมช้อนเลยนะ แกเรียกหลวงพี่ เพราะพี่โรเบิร์ต สายควันก็ไปแล้ว น้าค่อม ชวนชื่นก็ไปแล้ว ถ้าเป็นทีมฟุตบอลผมเสียนักเตะสำคัญไปแล้วนะ และถ้าหลวงพี่กับพระมหาไพรวัลย์มานี่ผมช้อนเลยนะ

แล้วเตะบอลล่าสุดไปเจอโจ้ ห้าหลา (ศรายุทธ ชัยคำดี), ไผ่ พงศธร, เอกราช สุวรรณภูมิ, เบิ้ล ปทุมราช ก็ไปช่วยขายงานการกุศลเตะบอลนี่แหละ โจ้ก็แซวน้องๆ ไปว่าแซวอะไรกันก็ให้ดีๆ เพราะเขาจ้องจับสึกหลวงพ่ออยู่ แต่ก็ดีนะ จะได้มาเตะบอลกัน เบิ้ลก็บอกตูดใหญ่เหลือเกินจะไปเตะบอลไหวเหรอ ก็แซวกันไป (หัวเราะ) ก็ได้นะ จริงๆ อาตมาได้เลยนะ ไม่มีปัญหาอะไร

ก็มีนักข่าวมาถามว่าถ้าสึกไปจริงๆ จะทำอาชีพอะไร อาตมาก็บอกว่าอาชีพนักข่าวก็น่าสนนะ เพราะเป็นคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ผมอยากรู้ ผมอยากให้ชาวบ้านรู้ด้วยว่าผมอยากรู้อะไร จริงๆ ก็น่าเป็นนักข่าวนะ สายทอล์กก็ดีนะ อาตมาสัมภาษณ์อย่างนี้มา 15 ปีแล้ว ก็น่าจะมีรายการสัมภาษณ์คนอื่นนะ ก็อาจจะมี พส.สมปองมองโลก ถ้าชื่อเชยไปก็ พส.สมปองมองจึ๊กๆ อะไรก็ว่ากันไปศัพท์ยุคนี้ สัมภาษณ์คุณสุทธิชัย หยุ่นบ้าง สัมภาษณ์คุณสนธิ ลิ้มทองกุลบ้าง (หัวเราะ) เห็นท่านเชียร์ตอนขายขำอยู่ แต่ท่านไม่เชียร์ตอนขายของ

จริงๆ เชียร์ให้ญาติโยมไม่ได้เงินสักบาทเลยนะ ใช้คำว่าไม่ได้ตังค์ แต่ยังจะปัง ปังอะไร ปังพินาศ ก็เลยต้องชะลอการอัดคลิปช่วยคนก่อน อาตมาแค่รู้สึกว่าเวลาช่วยคนก็จริงใจหน่อย วางให้เขาหน่อย เขาขายไม่ได้มานาน แล้วเขาอยู่ได้พันนึงเขาอาจจะอยู่ได้เป็นอาทิตย์ก็ได้สำหรับคนที่ยากจน เพราะเราเคยอยู่จุดนั้นมาตลอดอยู่แล้ว เราก็แค่อยากช่วย แต่ท่านมหาไพรวัลย์บอกว่าถ้าเมตตามากไปจะแพ้ภัยพาล ก็โอเคงั้นก็ช่วยคนแบบฉลาดหน่อย ภาษากฎหมายหน่อย พูดได้ พูดไม่ได้ ห้าม ไม่ห้าม ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง ก็ได้ความรู้เพิ่มอีก แต่มันก็ยังสนุก ก็ยังทำต่อ แต่ว่าก็ฉลาดขึ้นในการช่วยคน”

ยอมรับว่าช็อกจะถูกจับสึก ลั่นเก่งนะ ใช้สิ ไม่ต้องมาฆ่ากันหรอก
“มันมีคำพูดของน้องที่ใกล้ชิดว่าจริงๆ คืนก่อนพระอาจารย์ต้องถูกเขาจับสึกแล้วนะ เราก็ช็อค เฮ้ยกูผิดอะไรวะ เฮ้ยต้องขนาดนั้นเลยเหรอ คุณจะมาเล่นอะไร ทำไมไม่ใช้งานผมวะ ผมฮานะ คุณต้องการให้คนฮา ผมฮาได้นะ สาระผมก็ได้นะ ผมจะโชว์ตรงนี้ก็ได้ คุณเคยดูคลิปเก่าๆ ผมไหม ผมโชว์ให้คุณร้องไห้ตรงนี้เลยก็ได้นะ ผมมีความสามารถนะ ผมเก่งนะเว้ย ใช้ผมสิ ใช้เป็นเบี้ยไปเลย เป็นม้าไปเลย ไม่ต้องมาเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลอะไรหรอก คุณไม่ต้องฆ่าผมหรอก เดี๋ยวผมก็ตาย ผมเดินทางทุกวันอยู่แล้ว ผมรถชนก้นมา 3-4 ครั้งลงข้างทางไปก็บ่อย คุณแค่ใช้งานผม ยกหูบอกเฮ้ยปองช่วยอันนี้หน่อยสิ ฟรีนะ ไม่มีตังค์นะ ผมก็บอกได้ ผมว่างผมก็ไป (ยิ้ม) หรือบอกมาช่วยน้ำท่วมที่นี่หน่อย มาประชาสัมพันธ์ให้หน่อย เพจคนน้อยจังเลย ของสำนักนั้น สำนักนี้ เกี่ยวกับพุทธศาสนา เกี่ยวกับวัดวา ใช้งานผมมาสิ ผมมีประโยชน์ เชื่อผมสิ คุณฆ่าผมไปก็ไม่มีประโยชน์ สึกไปผมก็ไปทำไร่ทำนาอยู่บ้าน เตะบอล หรืออาจจะไปเป็นนักข่าวสัมภาษณ์คนก็โอเค ไม่มีปัญหา

จริงๆ ผมอยากเป็นบ๋อยด้วยซ้ำ ความฝันคืออยากเป็นบ๋อย ตอนไปโรงแรมอะไรไม่รู้ เขามาจีบพี่สาว ตอนนั้นก็เลยอยากเป็นบ๋อยใจจะขาดเลย ทุกวันนี้ก็ยังอยากเป็นอยู่อยากทำงานด้านบริการ ก็เลยมาเป็นธรรมะเดลิเวอร์รี่ บริการธรรมะให้โยม”

บอกไม่ได้หน่วยงานไหนจ้องจับสึก


“อันนี้ระบุไม่ได้เลย เพราะข้อมูลที่มาเขาก็ไม่ได้บอกชัดเจนมาก แต่มีก็แล้วกัน แต่ถ้าสำนักพุทธก็ให้ความเป็นธรรมนะ ล่าสุดท่านก็ออกมาพูดแล้วนะ ท่านบอกไม่ต้องกลัวจะถูกจับสึกหรอก ก็แค่ทำตามคำสั่งท่านเจ้าอาวาส ซึ่งเราก็ทำตลอด กลัวด้วยซ้ำจะทำให้รักษาการเจ้าอาวาสท่านเดือดร้อน เพราะตอนนี้ยังไม่มีเจ้าอาวาส และท่านก็ไม่ได้เชียร์เรา ท่านบอกเลยว่าท่านไม่ได้ชอบสไตล์นี้ด้วย แต่ท่านให้โยมตัดสินเองว่าประโยชน์ โทษ ดี ไม่ดีอะไรมากกว่ากัน

ส่วนท่านเองท่านเป็นกลาง เรากลัวจะเดือดร้อนท่านด้วยซ้ำ คุยกับท่านไม่ไหวหรอก สองกุมารทองวัดสร้อยทองจะไปทำให้ท่านเดือดร้อนไหม ฉะนั้นแล้วบอกไม่ได้จริงๆ ครับ เพราะมันก็ไม่ชัด ไม่ได้ยินจากปากท่าน ไม่ได้เห็นหนังสือ ไม่ได้มีคำสั่งมา แต่มันได้ยินมา ก็อาจจะลืมไปว่าเราพูดในพื้นที่ส่วนตัว ในห้อง แต่ว่ามันเป็นไลฟ์ (หัวเราะ) อาจจะเหมือนลืมตัวไปหน่อย ก็เลยค่อนข้างออกมาจากใจเยอะ อะไรที่ไม่ควรพูดก็พูดเยอะ ก็เป็นเวลาที่อาตมาได้ระบายความรู้สึกออกมาบ้าง

แต่สรุปก็ขอบคุณทุกกำลังใจ ไม่ท้อหรอกครับ แต่ก็จะทำงานให้มันถูกต้องมากขึ้น ฉลาดมากขึ้น ถูกทางวินัย ถูกกฎหมาย อะไรมันอาจจะแหลมไปบ้าง แต่ถ้าความผิดมันไม่ได้มากมายก็ให้อภัยอาตมาเถอะ แล้วก็หวังดีด้วยการที่มาบอกมาเตือนว่าตรงนี้มันได้ไม่ได้ ดีไม่ดี ก็จะเป็นประโยชน์มากเลยครับ ใช้งานอาตมาเถอะครับ อย่ากดดันเลย ถ้าถึงเวลาก็ไป จะได้ไปทำอาชีพอื่นบ้าง เป็นพระมานานแล้ว เห็นคนบอกห่มเหลืองอย่างเดียวเลย ก็ได้ เดี๋ยวออกไปใส่กางเกงขาดๆ บ้าง หรือไปเป็นส.ส. แต่ต้องดูเขตก่อนว่าจะไปรบกวนพื้นที่ของพี่เขาหรือเปล่า”