ข่าวประจำวัน » #ภัยความมั่นคง คสช.ฟันอีก3กระทง-หมวดเจี๊ยบรับข้อหาสู้คดี

#ภัยความมั่นคง คสช.ฟันอีก3กระทง-หมวดเจี๊ยบรับข้อหาสู้คดี

13 December 2017
862   0

Naewna “หมวดเจี๊ยบ”เข้ารับข้อหา ลากเด็กเพื่อไทย-ต่างชาติ ร่วมสังเกตการณ์ อ้างไม่ผิด-ไล่”บิ๊กตู่”ทำเพื่อชาติ โวยข้อหาหนักเกินจริง ขู่ฟ้องกลับ‘ปอท.-คสช.’ ขณะที่ คสช.ตลบหลัง แจ้งเอาผิดเพิ่มอีก 3 กระทง ส่อเข้าข่ายเป็น”ภัยความมั่นคง”

“หมวดเจี๊ยบ” ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง(เลิศภควัตร) อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย มาตามที่นัดไว้ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 และมาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่นกรณีโพสต์เฟซบุ๊กโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมประกาศลั่นว่าเธอไม่ผิด เพราะทำเพื่อชาติ แลเตรียมเดินหน้าฟ้องกลับ คสช.ด้วย ขณะที่ คสช.ลุยแจ้งเพิ่มข้อหาอีก 3 กระทง

มาตามนัด!เจี๊ยบเข้ารับข้อหาที่ปอท.

ความเคลื่อนไหวกรณี พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการ ประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช. ) เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สมบัติ สมบัติโยธา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ “หมวดเจี๊ยบ” ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง(เลิศภควัตร) อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในความผิดเข้าข่าย 1.นำเข้าข้อมูลเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) และ 2.ข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หลังวิจารณ์นายกฯ และรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

กระทั่งเวลา 09.30 น.วันที่ 13 ธ.ค. ที่ บก.ปอท. ศูนย์ราชการอาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ ร.ท.หญิง สุณิสา พร้อมด้วย นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความส่วนตัว เดินทางมาพบ ร.ต.อ.สมบัติ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา

ลากเด็กเพื่อไทย-ต่างชาติสังเกตการณ์

ทั้งนี้ ร.ท.หญิง สุณิสา เดินมารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สมาพันธ์ยุโรป ที่ร่วมสังเกตการณ์ นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองพรรคเพื่อไทย อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง, นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รมช.แรงงาน และรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย พร้อมบรรดาแฟนคลับการเมืองมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ

ยันไล่บิ๊กตู่ไม่ผิดเพราะทำเพื่อชาติ

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าว หากย้อนดูจะพบว่าเป็นวิจารณ์การทำงานและงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะเป็นการตรวจสอบอำนาจของรัฐบาล ไม่ได้มุ่งใส่ร้ายโจมตีบุคคลใด โดยรัฐบาลควรรับฟังและนำไปแก้ไขปัญหาดีกว่า ส่วนการเปรียบเทียบรัฐบาลเปิดทำเนียบต้อนรับนักร้อง แต่ไม่ได้เปิดรับกลุ่มต้านโรงงานถ่านหินภาคใต้ เป็นการวิจารณ์รัฐบาลที่เลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกัน เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติและแสดงสิทธิเสรีภาพความคิดเห็นของประชาชน และรัฐบาลควรรับฟังด้วย ไม่ใช้อำนาจคนเห็นต่างด้วยการแจ้งความดำเนินคดี

กรี๊ด! โดนการเมืองเล่นงานตั้งข้อหา

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า การโพสต์วิจารณ์รัฐบาลและถูกดำเนินคดี 6 กระทง แต่ละกระทงโทษสูงสุดถึง 7 ปี รวมแล้วประมาณ 42 ปี เท่ากับชีวิตของคนๆหนึ่ง โดยตนมองว่าการตั้งข้อหาดังกล่าวน่าจะมีแรงจูงใจทางการเมือง เพราะตนเป็นอดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย และวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลมาตลอด

ดี๊ด๊าลากทูตต่างชาติร่วมขบวน

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวต่อว่า รัฐบาลคงทราบดีว่าตนโพสต์ไม่ได้ใส่ร้าย แต่แสดงความคิดเห็นเพื่อรักษาผลประโยชน์บ้านเมือง สำหรับรากฐานการปฏิรูปทางการเมืองและเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้นนั้น ควรพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะหากประชาชนไม่กล้าพูดความจริงแสดงความคิดเห็น ประเทศก็คงไม่อาจพัฒนาไปได้

“ต้องขอบคุณผู้แทนจากประชาคมโลกและตัวแทนทางการทูต อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศยุโรปอื่นๆ รวมทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน ที่ร่วมสังเกตการณ์ในวันนี้ด้วย เพราะประเทศไทยมีพันธสัญญาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชนในประเทศ” ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว

โวยยัดข้อหาเกินจริง-ปฏิเสธหมด

ด้านนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความ กล่าวว่า ร.ท.หญิง สุณิสา เป็นโฆษกพรรคการเมือง ก็ต้องยุ่งการเมืองอยู่แล้วตามสิทธิประชาชน เบื้องต้นได้ปฎิเสธข้อกล่าวหา และขอให้การศาลเท่านั้น ซึ่งการแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 116 หลังจากดูรายละเอียดในสำนวนแล้ว น่าจะเป็นการแจ้งข้อหาเกินความจริง เนื่องจากลักษณะหมิ่นประมาทความเสียหาย นำความเท็จ เข้า พ.ร.บ.คอมฯ ถ้ายุยง ปลุกปั่นเกี่ยวกับความมั่นคงไม่น่าเข้ามาตรานี้

ขู่ฟ้องกลับปอท.-คสช.

นายนรินท์พงศ์ กล่าวอีกว่า ร.ท.หญิง สุณิสา เป็นโฆษกพรรคการเมือง อย่างไรก็ต้องยุ่งการเมืองอยู่แล้ว ไม่หนักใจกับรัฐบาลนี้ ความจริงก็คือความจริง อำนาจรัฐยังคงมีอำนาจ เมื่อสั่งมาถึง บก.ปอท.ก็ต้องดำเนินการตามคำสั่ง ตนก็จะตอบโต้กลับไป ตำรวจอย่าเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกล่าวร้ายต่อประชาชน

“เราอาจฟ้องกลับ โดยมาตรา 200 ระบุว่า หากพนักงานสอบสวนตั้งมาตราระบุโทษเกินความจริง จะต้องโทษอย่างหนักสูงสุดกลับไป ที่ผมพูดเช่นนี้ไม่ได้ขู่ แต่หลายครั้งที่มีบุคคลทางการเมืองโดนแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมฯ เพื่อปิดปาก แต่บุคคลเหล่านี้ก็ยังจะดำเนินการวิจารณ์รัฐบาลต่อไป” นายนรินท์พงศ์ กล่าว

เจี๊ยบกระอัก!คสช.เอาผิดเพิ่ม3กระทง

นอกจากนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ บก.ปอท. ทาง คสช.ได้มีหนังสื่อ คสช.(สลธ) ที่ 10/354 ลงวันที่ 8 ธ.ค.60 มอบอำนาจให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้าพบพนักงานสอบสวน ปอท.ให้แจ้งความร้องทุกข์กับผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊คชื่อ “สุณิสา เลิศภควัต” และชื่อ “หมวดเจี๊ยบ1” โดยทั้ง 2 บัญชีนี้เสนอบทความ หรือโพสต์ข้อความในบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ทางเฟซบุ๊คทั้ง 2 บัญชี โดยมีรายละเอียดการโพสต์ข้อความดังนี้

วันที่ 30 ก.ย.60 เวลา 22.21 น. โพสต์ใน “สุนิสา เลิศภควัต” ว่า “จริงหรือไม่ที่สื่อนอกประโคมข่าวว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เตรียมไปเจรจา ซื้ออาวุธเพิ่มและส่งปิดดีลส่งมอบ แบล็คฮอว์ก 4 ลำ ที่เคยดีลค้างไว้ก่อนยึดอำนาจปี2557 และจริงไหมที่สหรัฐเตรียบีบให้ไทย เป็นแกนนำคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ”

วันที่ 8 ต.ค.60 เวลา 18.25 น. โพสต์ “สุนิสา เลิศภควัต” ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากให้คนไทยตกงานเพิ่มหรือไง จึงจะเปิดตลาดนำเข้าเครื่องในหมู แย่งตลาดพ่อค้าไทย”

วันที่ 8 ต.ค.60 เวลา 18.30 น. โพสต์ใน “หมวดเจี๊ยบ1” ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากให้คนไทยตกงานเพิ่มหรือไง จึงจะเปิดตลาดนำเข้าเครื่องในหมู แย่งตลาดพ่อค้าไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เท่ากับเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 กระทง จากเดิมที่แจ้งไว้ 6 กระทง ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ และมาตรา 116

ฟันข้อหาเข้าข่ายม.14ภัยความมั่นคง

ทั้งนี้ ผู้แจ้งได้พิจารณาแล้วว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550 มาตรา 14 (2) ซึ่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550 มาตรา 14 กรณีนำเข้า/ปลอม/เท็จ/ภัยมั่นคง/ลามก/ส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ ระบุว่า ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

1.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

2.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

3.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

4.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ และ 5.เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)

สำนักข่าววิหคนิวส์