ข่าวประจำวัน » #พันธมิตรสหรัฐยึดคืน! “ร็อกเกาะห์” ตอกฝาโลง “ไอเอส” ในซีเรีย

#พันธมิตรสหรัฐยึดคืน! “ร็อกเกาะห์” ตอกฝาโลง “ไอเอส” ในซีเรีย

21 October 2017
697   0

21 ตุลาคม.2560.เวลา.12:25.น.กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ชูธงประกาศชัยชนะ หลังสามารถยึดเมืองร็อกเกาะห์กลับคืนมาจากกลุ่มไอเอส เมื่อวันที่ 17 ต.ค.กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ ยึดเมืองร็อกเกาะห์กลับคืนมาจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นับเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการสิ้นอำนาจของพวกนักรบญิฮาดหัวรุนแรงซึ่งเคยสถาปนาที่นี่เป็นเมืองหลวงของ“รัฐคอลีฟะห์” และยังใช้เป็นฐานบัญชาการก่อเหตุโจมตีในต่างประเทศเสียงยิงปืนเฉลิมฉลองดังกึกก้องขึ้นในเมืองใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีส นักรบกองกำลัง SDF พากันโบกธงสัญลักษณ์สีเหลืองขณะที่ขบวนรถหุ้มเกราะขับตะลุยเข้าไปถึงวงเวียน อัล-นาอีม ใจกลางเมืองร็อกเกาะห์ ซึ่งเคยถูกพวกไอเอสใช้เป็นลานประหาร ภารกิจจู่โจมครั้งนี้กินเวลานานกว่า 4 เดือน ก่อนที่ไอเอสจะถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวงและฐานที่มั่นหลักแห่งสุดท้ายของพวกเขาในซีเรียร็อกเกาะห์เคยเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ที่ไอเอสใช้วางแผนโจมตีชาติตะวันตก ตัวประกันต่างชาติหลายคนถูกคุมขังและฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยมที่นี่ ขณะที่ผู้หญิงและเด็กชาวยาซิดีก็ถูกไอเอสจับขายเป็นทาสแกนนำไอเอสซึ่งเล็งเห็นความพ่ายแพ้ได้ตัดสินใจทิ้งร็อกเกาะห์ไปตั้งแต่หลายเดือนก่อนโดยมุ่งหน้าลงใต้ไปยังพรมแดนอิรักแถบจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ โดยเฉพาะที่เมืองมายาดีน

(Mayadeen) ซึ่งถูกกองทัพรัฐบาลซีเรียยึดคืนได้ตั้งแต่วันเสาร์ (14) มุสตาฟา บาลี โฆษกกองกำลัง SDF ประกาศยึดร็อกเกาะห์ทั้งเมืองไว้ได้เมื่อวันอังคาร (17) โดยสนามกีฬาขนาดใหญ่เป็นสถานที่สุดท้ายที่ได้รับการปลดปล่อย และเวลานี้นักรบ SDF ก็กำลังเร่งเคลียร์พื้นที่และทำลายกับระเบิดเพื่อเปิดถนนสายหลักให้สามารถใช้สัญจรได้อีกครั้ง ด้านกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ คาดว่าอาจจะยังมีนักรบไอเอสกบดานอยู่ภายในเมืองอีกราวๆ 100 คน“เราเข้าใจว่ายังมีพื้นที่อีกประมาณ 10% ที่ต้องเข้าไปเคลียร์ และอาจมีการต่อสู้ขัดขืนด้วย”และ พ.อ.ไรอัน ดิลลอน โฆษกกองทัพสหรัฐฯ ที่กรุงแบกแดดของอิรักให้สัมภาษณ์คาราวานรถกระบะของกองกำลัง SDFขณะแล่นผ่านเมืองอัยน์อิซซา (Ain Issa) ในซีเรีย เมื่อวันที่ 16 ต.ค.การสูญเสียเมืองร็อกเกาะห์ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับไอเอส ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯระบุว่าได้เสียดินแดนในอิรักและซีเรียไปแล้วถึง 87% ของทั้งหมดที่เคยยึดไว้ได้เมื่อปี 2014 ขณะที่นักรบไอเอสหลายร้อยคนก็ตัดสินใจทิ้งอาวุธมอบตัวก่อนหน้านี้ ทหารอิรักเพิ่งจะยึดคืน “โมซุล” เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรักกลับคืนจากไอเอสได้เมื่อเดือน ก.ค.

ทำให้นักรบญิฮาดถูกบีบให้ไปกระจุกตัวอยู่ตามเมืองเล็กๆ ตลอดแนวชายแดน 2 ประเทศแม้รัฐคอลีฟะห์ซึ่งเคยมีพื้นที่พอๆ กับประเทศอังกฤษ และถือเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อที่ทรงพลังที่สุดของไอเอสจะถูกทำลายลงไปแล้วแต่ผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ เตือนว่าการล่มสลายของรัฐคอลีฟะห์ยังไม่ใช่จุดจบของแนวคิดสุดโต่งที่ปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนไอเอสลุกขึ้นมาก่อเหตุโจมตีแบบหมาป่าโดดเดี่ยว (lone wolf) ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักรบไอเอสบางกลุ่มก็เริ่มปฏิวัติตัวเองเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่เน้นปฏิบัติการแบบกองโจรมากขึ้น และมีสาขาอยู่ทั้งในตะวันออกกลาง แอฟริกา รวมถึงเอเชียผู้นำไอเอสซื้อใจชาวอาหรับสุหนี่ด้วยการแสดงตัวปกป้องพวกเขาจากรัฐบาลท้องถิ่นที่ทุจริตและกดขี่ แม้ว่าประชาชนอาจจะไม่เห็นด้วยกับการตีความกฎหมายชารีอะห์แบบสุดโต่งก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าความรู้สึกคับแค้นใจเช่นนี้ยังไม่หายไปไหน และอาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือได้อีกในอนาคต“ผมเข้าใจว่าเวลานี้นักรบเคิร์ดซีเรียคงกำลังตื่นเต้นที่ยึดเมืองคืนได้ แต่ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มและลุ่มหลงกับชัยชนะมากจนเกินไปเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง”ปีเตอร์ แมนดาวิลล์อดีตที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯซึ่งเคยมีส่วนร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ต่อสู้ไอเอสช่วงปี 2015-2016 ระบุกองกำลัง SDF ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ

เริ่มปฏิบัติการชิงคืนเมืองร็อกเกาะห์เมื่อต้นเดือน มิ.ย. การสู้รบด้วยอาวุธหนักอย่างดุเดือดได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 3,250 คน เป็นพลเรือน 1,130 คน และยังมีผู้สูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีกหลายร้อย ตามข้อมูลของศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานที่กรุงลอนดอน ชาวบ้านหลายร้อยคนที่เคยถูกไอเอสใช้เป็น “โล่มนุษย์”สบโอกาสหนีออกจากเมืองได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากมีการทำข้อตกลงระหว่างผู้นำชนเผ่าและสภาจังหวัด ซึ่งส่งผลให้นักรบหัวรุนแรงในท้องถิ่น 275 คนพร้อมครอบครัวยอมวางอาวุธด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวซีเรียอีกราว 270,000 คนที่หนีตายออกจากร็อกเกาะห์ และยังคงใช้ชีวิตอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยด้วยสภาพที่ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรคสภาพความเสียหายของอาคารบ้านเรือนในย่านใจกลางเมืองร็อกเกาะห์ หลังได้รับการปลดปล่อยจากเงื้อมมือกลุ่มรัฐอิสลาม“สงครามทำให้บ้านเรือนทั้งภายในและรอบๆ เมืองร็อกเกาะห์เสียหายยับเยิน ครอบครัวชาวซีเรียส่วนใหญ่จึงไม่มีบ้านให้กลับ และอาจจะต้องพักอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยอีกหลายเดือน หรืออาจจะเป็นปีๆ นับจากนี้” มูลนิธิ เซฟ เดอะ ชิลเดรน แถลงเมื่อวันอังคาร (17) พร้อมระบุว่ายังมีชาวซีเรียในจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ที่ทิ้งบ้านเรือนหนีตายอีกกว่า 10,000 คนต่อวัน หลังพวกนักรบไอเอสหลั่งไหลเข้าไปยึดพื้นที่แถบนั้น แม้จะได้รับการปลดปล่อยแล้ว ทว่าอนาคตของร็อกเกาะห์ยังเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา

หลังจากนี้อาจมีการจัดตั้ง“สภาพลเรือนร็อกเกาะห์” (Raqa Civil Council) ที่ประกอบด้วยชาวเคิร์ดและอาหรับขึ้นบริหารกิจการภายในเมือง ทว่าประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียก็คงไม่ละความพยายามยึดดินแดนกลับไปอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของดามัสกัสดังเดิม ฮีทเธอร์ เนาเอิร์ท โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้แจงเมื่อวันอังคาร (17) ว่า ภารกิจขั้นต่อไปสำหรับสหรัฐฯ จะจำกัดอยู่แค่การฟื้นฟูสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานในเมืองร็อกเกาะห์ เช่น ระบบไฟฟ้าและน้ำประปา แต่จะไม่ข้องเกี่ยวกับกระบวนการสร้างความเป็นชาติ (nation-building) อย่างที่เคยทำกับประเทศอื่นๆ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ บางคนยังเตือนทุกฝ่ายว่าไม่ควรย่ามใจกับความสำเร็จที่ร็อกเกาะห์ จนเผลอรามือในการทำสงครามกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย

“เราควรเฉลิมฉลองที่เมืองหลวงไอเอสล่มสลาย และดีใจกับชาวซีเรียที่ได้รับการปลดปล่อย แต่อย่าลืมว่ายังไม่ถึงเวลาที่เราจะวางมือได้” ส.ว.เบน แซสส์ หนึ่งในคณะกรรมการกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุ.”

สำนักข่าววิหคนิวส์