วันนี้ทางทีมงานวิหคนิวส์ได้ติดตามข่าวสารมาฝากลูกเพจที่น่ารักทุกคนนะคับ ถ้าพร้อมแล้ว ตามทีมงานวิหคนิวส์ไปดูกันเลยคับ
ทีมงานวิหคนิวส์ต้องขอบอกเลยว่า จากที่หนุ่มหล่อของรายการยอดนิยม “Take Me Out Thailand” มีประเด็นที่ชาวเน็ตติดตามกันมากก็คงไม่พ้น หนุ่มหล่อที่ธุรกิจครอบครัวล้มละลาย 21 ล้าน แต่มีตลกแถวหน้าของเมืองไทยยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ นั่นก็คือ “หนุ่มมาร์ค” ที่เขาเล่าว่า ตนเองเคยเป็นคนมีชีวิตสุขสบายคุณพ่อทำธุรกิจ 20-30 ล้าน เคยมีเงินใช้ไม่ขาดมือวันนึงมากสุด 5-6 หมื่นบาท และเคยมีแฟนด้วยเงิน ใช้เงินเลี้ยงแฟนจนวันหนึ่งถูกบอกเลิก
แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจ ชีวิตตอนนั้นมีทุกอย่าง บ้าน 3 หลัง รถอีก 6-7 คัน มีบอร์ดี้การ์ด ,คนใช้ เพื่อนๆจะเรียกว่า “เฮีย” จนวันนึงชีวิตพลิกผัน ธุรกิจที่บ้านล้มละลาย 21 ล้าน แต่กลับมีตลกชื่อดังของประเทศไทย เข้ามาช่วยเหลือ ล่าสุดมีคำเฉลยสำหรับตลกคนนั้น นั่นก็คือ “หม่ำ จ๊กม๊ก” นั่นเอง
หนุ่มมาร์คเล่าต่อว่า เคยมีคนคนหนึ่งพูดกับผมไว้ว่า “อย่ารอโอกาส ให้เราเดินเข้าหาโอกาส” คนนี้ละคับที่พูดไว้ คนนี้ละคับที่ช่วยครอบครัวผมมาตลอด คนนี้ละคับที่ไม่ทิ้งพ่อผมไปไหน คนนี้ละคับที่ส่งผมเรียนจนจบสาขาการแสดงละครเวที คนนี้ละคับที่เป็นแทบทุกสิ่งของผม #ผมจะทำให้ลุงหม่ำเห็นให้ได้ผมจะไปให้ถึงฝันด้วยกำลังของผมเอง #ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคับ”
ซึ่งในวันที่ 25 มิ.ย 2558 มีรายงานข่าวว่าตำรวจสน.สุทธิสาร พ.ต.ต.สัมพันธ์ แสวง สน.สส.นน.สุทธิสาร นำกำลังจับกุม “น.ส.เทียมใจ วงษ์คำเหลา หรือ แวว จ๊กม๊ก” ดาราตลกน้องสาวของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” พร้อมของกลางยาไอซ์บรรจุซองพลาสติก น้ำหนัก0.37 กรัม ที่โรงเเรมไทยอาร์ซี ต่อจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็นำตัวน้องสาวตลกไปยังสน.สุทธิสารต่อไป
หลังจากมีข่าวนี้แพร่กระจายออกมา “หม่ำ” ได้ถูกถามถึงสถานะความเป็นอยู่ของ “แวว มกจ๊ก” ที่เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมในข้อหาเสพยาไอซ์ ซึ่งทาง “หม่ำ” มายืนยันด้วยตัวเองว่าไม่คิดจะตัดพี่ตัดน้องกับ “แวว จ๊กมก” แม้แต่นิดเดียว
หม่ำกล่าวต่อว่า “ทุกคนคือพี่น้อง ต่อให้เขาเป็นโจร ต่อให้ฆ่าคนตาย เขาก็ยังเป็นพี่เป็นน้องของผม ถ้าน้องเราติดคุกไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่เราก็ยังเป็นพี่น้องกัน เราปลดห่วงจากกันไม่ได้หรอก ในใจเรายังคิดห่วงเขาเสมอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเขาเองก็คิดให้ได้ เส้นทางนี้เขาเป็นคนเลือกเอง เขาต้องคิดเอาเอง ถ้าหากคิดไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร อย่างที่บอกเขาจะอายุ 50 แล้วครับ และสำหรับผม ผมยินดีให้เขามาอยู่ด้วยกันเสมอถ้าเขาคิดเป็น”
และความใจหล่อของหม่ำจ๊กม๊กยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ก่อนหน้านั้น ช่วงของวิกฤตน้ำท่วมปี56 มีพี่น้องประชาชนในแต่ละภูมิภาคในหลายจังหวัดทั่วประเทศที่ต้องเผชิญกับวิกฤติน้ำท่วมและได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสภาพดินฟ้าอากาศที่มีฝนตกหนักซ้ำเติมให้สภาพการณ์ต่างๆ นั้นน่าวิตกอยู่แทบทุกวัน โดยซุปเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย อย่าง หม่ำ จ๊กม๊ก ได้ร่วมกิจกรรม “ต้มยำกุ้ง 2-3D ผนึกกำลังรวมน้ำใจช่วยคนไทยปะทะน้ำท่วม” ร่วมรับบริจาคเงิน, ข้าวของอุปโภคบริโภค พร้อมร่วมจำหน่ายของที่ระลึกจากภาพยนตร์
อาทิ แว่น 3 มิติ, เสื้อยืด, ผ้าพันคอ, โปสเตอร์, ดีวีดี และเดินทักทายถือกล่องรับบริจาค ถ่ายรูปกับแฟนๆพร้อมแจกลายเซ็นต์ท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ กลางสวนจตุจักรอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยเลยทีเดียว โดยได้รับความสนอกสนใจจากแฟนๆ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกันอย่างล้นหลาม ทำเอาทุกคนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว กับความน่ารักและมากน้ำใจที่ล้วนต่างเป็นผู้ให้และช่วยเหลือกันบอกให้รู้ว่าในยามยากคนไทยก็ไม่เคยทิ้งกัน
แถมงานนี้ทั้งพี่หม่ำ จ๊กม๊ก ยังร่วมกันแพ็คถุงยังชีพ รวบรวมเครื่องอุปโภคบริโภคอาหารแห้งของใช้จำเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมส่งต่อไปยังผู้ประสบภัยต่อไป จนพูดได้ว่ากิจกรรมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากพี่น้องร่วมบริจาคกันอย่างเต็มที่เพราะแรงกายแรงใจของทั้งคู่จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอมให้แฟนๆ ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่พี่ป้าน้าอาน้องๆ หนูๆ เบียดไหล่โอบเอวถ่ายรูปอย่างเป็นกันเองตลอดเส้นทางการเดินพร้อมป่าวประกาศเชิญชวนพี่น้องมาร่วมบริจาค เดินไปก็แหย่แซวเล่นกับแฟนๆ
กลายเป็นสีสันความสนุกสนานครื้นเครงไปทั่วแปรความร้อนความเหนื่อยให้กลายเป็นความสุข สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ส่งต่อเป็นธารน้ำใจและความรู้สึกดีๆ ที่จะส่งต่อไปยังพี่น้องที่ประสบอุทุกภัยในทุกพื้นที่ของประเทศต่อไป นอกจากเป็นปากกระบอกเสียงแล้วทั้งคู่ยังร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือพี่น้องอีกต่างหาก และไม่เพียงแค่คนไทยแม้แต่ชาวต่างชาติที่เคยดูองค์บาก, ต้มยำกุ้ง รวมถึงแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบในความเป็นศิลปินและผลงานของน้องหญิงรฐาที่มารอตั้งแต่สายๆ ก็มาร่วมถ่ายรูปบริจาคซื้อของที่ระลึกกันอย่างคึกคัก สำหรับรายได้ทั้งหมดจากการรับบริจาคและจำหน่ายของที่ระลึกจากภาพยนตร์โดยไม่ถูกหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นจะถูกส่งต่อไปยังพี่น้องชาวไทยที่ประสบอุทุกภัยในครั้งนั้น
เมื่อพูดถึง หม่ำ จ๊กม๊ก ตลกแนวหน้าของเมืองไทย ที่ใช้ชีวิตค่ำวอดอยู่ในวงการบันเทิงและวงการตลก มาช้านาน เรียกได้อีกว่าเป็นดาวตลกหน้าตาย ที่ใครๆเห็นก็อดขำไม่ได้ สำหรับตลกหน้าเหลี่ยม “หม่ำ จ๊กมก” หรือ “นายเพชรทาย วงษ์คำเหลา” ซึ่งวันนี้ดาวตลกคนนี้ต้องผ่านความยากลำบากมามาย ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตลกแถวหน้ามีชื่อเสียง และเงินทองมากมาย
หม่ำ จ๊กมก เกิดวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2508 ที่อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร) มีชื่อจริงว่า เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา มีพี่น้อง 7 คน เป็นคนกลาง มีน้องสาวที่เล่นตลกคือ แวว จ๊กมก ออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 16-17 ปี มาทำงานอยู่กับวงดนตรีลูกทุ่งของ สดใส รุ่งโพธิ์ทอง เป็นวงแรก โดยเริ่มทำงานในตำแหน่งคอนวอย (เด็กยกของ) ก่อนจะได้เลื่อนขึ้นมาเป็นหางเครื่อง และตลกตามลำดับ หลังจากนั้น หม่ำ ได้ย้ายไปทำงานกับวงดนตรีลูกทุ่งหลายวง เช่น เกรียงไกร กรุงสยาม, โชคชัย โชคอนันต์, ศิรินทรา นิยากร และ สุพรรณ สันติชัย
หลังจากนั้น หม่ำ จ๊กมก ตัดสินใจ รวมตัวกับเพื่อนศิลปินตลก ตั้งตลกคณะเก้ายอดขึ้น ก่อนที่ในที่สุด จะได้รับการชักชวนให้มาเล่นตลกในคณะ เทพ โพธิ์งาม ทำให้หม่ำแสดงตลกร่วมกับคณะเทพ โพธิ์งามมาตลอด โดยใช้ชื่อขณะนั้นว่า “หม่ำ สปาเก็ตตี้” ภายหลังจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “หม่ำ จ๊กม๊ก” โดยรับหน้าที่เป็นตัวประกอบรับมุกในคณะของ เทพ โพธิ์งาม จนหม่ำเริ่มดังเป็นที่รู้จัก เทพ โพธิ์งาม เห็นหม่ำสามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว จึงไล่ให้หม่ำออกจากคณะเทพ โพธิ์งาม เพื่อไปตั้งคณะตลกเอง โดยหม่ำได้ออกไปตั้งคณะให้ชื่อว่า คณะหม่ำ จ๊กมก โดยมีสมาชิกคนสำคัญ เช่น จาตุรงค์ มกจ๊ก,หยอง ลูกหยี,แวววาว จ๊กมก,อาแปะ จ๊กมก,เท่ง เถิดเทิง, โหน่ง ชะชะช่า เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2535 หม่ำ จ๊กมก ได้รับการชักชวนจาก ปัญญา นิรันดร์กุล ให้มาร่วมทำงานกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ โดยได้มาทำหน้าที่เป็นตัวปริศนาในรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ในช่วงชิงบ๊วย ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 และนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา หม่ำ จ๊กมก ก็ทำงานร่วมกับเวิร์คพอยท์มาตลอดจนถึงปัจจุบัน ผลงานสำคัญของหม่ำ ในฐานะพิธีกรรายการเกมโชว์ต่าง ๆ ของเวิร์คพอยท์ เช่น เวทีทอง, ระเบิดเถิดเทิง เป็นต้น นอกจากนี้ เคยมีผลงานเพลงแนวลูกทุ่งหมอลำมาแล้วด้วยโดยเพลงดังคือเพลง เฮดจังได๋ เพ็ชรทายเพ็ชรทายเพ็ชรทาย
ปัจจุบัน หม่ำ จ๊กมก เป็นเจ้าของ บริษัท บั้งไฟ ฟิล์ม จำกัด ผลิตภาพยนตร์ ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่องบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม และ แหยม ยโสธร ที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท และเป็นเจ้าของ บริษัท บั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ผลิตรายการโทรทัศน์ ได้แก่ รายการบิ๊กหม่ำ และละคร แฟกทอรีที่รัก พร้อมกับยังรับงานแสดงอยู่ และทำธุรกิจร้านอาหาร โรงลาบยโสธร ติดห้างเดอะมอลล์ บางแค บางกะปิ อีกด้วย
ด้านการศึกษา จบการศึกษาชั้นระดับ ม.6 กศน. พร้อมกับ ธีรเทพ วิโนทัย ที่เรียนสถาบันเดียวกัน และได้ปริญญาโท มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง และขณะนี้กำลังศึกษาในคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ในด้านชีวิตครอบครัว หม่ำสมรสกับ “มด” เอ็นดู วงษ์คำเหลา หลังใช้ชีวิตคู่มาถึง 22 ปี ก็เพิ่งจะได้จัดงานแต่งงานด้วยกันโดยที่ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นผู้จัดให้ในฐานะลูกน้องที่ร่วมงานกันมานาน และมีบุตรด้วยกันสองคนคือ “เอ็ม” นางสาวบุษราคัม วงษ์คำเหลา สมรสกับ กรวัฒน์ สุวรัตนานนท์ (20 พฤศจิกายน 2559) และ “มิกซ์” นายเพทาย วงษ์คำเหลา
นอกจากงานกำกับหนังแล้ว ดาวตลกรักครอบครัวคนนี้ ยังเปิดบริษัทผลิตซื้อขาย ผลิต ลิขสิทธิ์ แผ่นวีซีดี ดีวีดี ซีดี โดยใช้ชื่อบริษัท ลำน้ำชี จำกัด ทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท ยังร่วมทุนกับ เสี่ยตา เจ้านาย สัดส่วน 60 ต่อ 40% ก่อตั้ง บริษัท บั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด รับงานแสดง งานพิธีกรตลอดจนนำนักแสดงไปโชว์ ที่สำคัญผลประกอบการถือว่าไม่ธรรมดามีรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความขยันของตลกหน้าเหลี่ยมไม่จบ นอกจาก “หม่ำ” จะเอาดีด้านการแสดง-พิธีกร และผู้กำกับแล้ว ในเรื่องของฝีมือการทำอาหารอีสานบ้านเกิด ยังไม่เป็นสองรองใคร จึงหันมาลงทุนจับธุรกิจ ใช้ชื่อว่า “โรงลาบยโสธร” ร้านอาหารรสแซ่บ ใกล้ๆ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางแค ถนนพุทธมณฑล สาย 1
านแห่งนี้ใช้เงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาท และยังมี “หม่ำ โต๊ะลาว” ที่รับจัดเลี้ยงหมู่คณะแบบโต๊ะจีนในรูปแบบปาร์ตี้สไตล์อีสาน อาหารรสแซ่บ พร้อมการบริการครบทั้งในเรื่องของการตบแต่งสถานที่ เวทีการแสดง โชว์ศิลปะวัฒนธรรมแบบอีสาน แถมการแสดงโชว์จากหม่ำ จกม๊ก อีกด้วย เจ้าตัวมีความสามรถและความทะเยอทะยานจนสามารถสร้างบ้านมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เนื้อที่ 12 ไร่ ใน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี แถมตกแต่งอย่างหรูหรา มีสระว่ายน้ำอยู่กลางบ้าน และมีบ้านสำหรับญาติๆ เกือบ 20 คน