เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรค นายวัฒนา เมืองสุข นายจาตุรนต์ ฉายแสง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว แถลงถึงความล้มเหลวการปราบทุจริตของ คสช.
โดยนายวัฒนา กล่าวถึงการทำหน้าที่ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในการตรวจสอบนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมว่า เรื่องนี้มีผู้ไปร้องเรียนให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ เนื่องจากไม่มีการแจ้งในบัญชีแสดงทรัพย์สินหนี้สิน เข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งตามกฎหมายเมื่อมีการร้อง ป.ป.ช.ควรยึดหรืออายัดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบเหมือนกรณีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แต่ ป.ป.ช.กลับจงใจทอดเวลาให้มีการกลบเกลื่อนให้ผู้ถูกกล่าวหาแสวงหาหลักฐาน โดยเฉพาะเลขาธิการป.ป.ช. ทำตัวเป็นทนายแก้ต่างเสียเอง
ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขอตั้งคำถามว่า ป.ป.ช.ทำหน้าที่เป็นกลางหรือไม่ เป็นเครื่องมือให้ใครหรือไม่ ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งป.ป.ช.คงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ส่วนที่มาของ ป.ป.ช.มาจากคณะกรรมการสรรหาซึ่งมาจาก คสช. นอกจากนี้เรายังเห็นปรากฏการณ์เซ็ตซีโร่องค์กรอิสระตามดุลพินิจของ สนช.ว่าจะให้ใครอยู่หรือไป โดยเซ็ตซีโร่ กกต. กสม. แต่ไม่เซ็ตซีโร่ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ
“ใครพูดรู้เรื่องก็อยู่ต่อ ใครหัวแข็งก็เซ็ตซีโร่ เรียกได้ว่าสมคบคิดกัน กรธ.เหมือนตีเช็คเปล่าให้สนช. กรอกว่าใครจะอยู่หรือไป เหมือนร่วมกันโกงกฎหมายเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง ซึ่งเราจะต่อสู้เรื่องนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมให้ได้ในอนาคต ทั้งนี้ กรรมการป.ป.ช. 7 คนขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม โดยเฉพาะประธาน ป.ป.ช.เข้าลักษณะต้องห้ามที่พ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ถึง 10 ปี แต่กรธ.กลับเขียนให้ดำรงอยู่ได้ จึงเป็นวิกฤตกฎหมายของประเทศ” นายชูศักดิ์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า พรรคเห็นว่าระบบการต่อต้านคอร์รัปชั่นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทำให้ประเทศเสียหายอย่างมาก จะเห็นว่ามีปัญหาการตรวจสอบการทุจริตของคนในรัฐบาลนี้มาอย่างต่อเนื่อง ไม่พบว่าป.ป.ช.ดำเนินการอย่างจริงจังหรือมีความคืบหน้า มีการต่ออายุกรรมการ ป.ป.ช. หลายคนได้รับการสรรหาและแต่งตั้งจาก คสช.และรัฐบาลโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2550 และไม่สอดคล้องกับพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช.ในขณะนั้น
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ล่าสุดเรื่องนาฬิกา ตนมองว่าป.ป.ช.ควรยึดและอายัดทรัพย์สินทันที ให้ผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ที่มา แต่กรรมการ ป.ป.ช. กลับทำหน้าที่ชี้แจง แก้ต่างให้แก่ผู้กล่าวหา ตนขอเสนอว่าต้องเปลี่ยนกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งหมด ให้ได้ป.ป.ช.ชุดใหม่ มาจากกระบวนการสรรหามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน โดยป.ป.ช.ชุดเดิมอาจพิจารณาลาออกไป หรือให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และขอให้กรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ตรวจสอบเรื่องทั้งหลายให้โปร่งใสและสุจริตต่อไป
ส่วนนายภูมิธรรม กล่าวว่า หลายอย่างสะท้อนความล้มเหลว และความไม่ไว้วางใจในองค์กรตรวจสอบ ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลหมดไปแล้ว คำพูดผู้นำไม่สามารถเชื่อได้ เปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ ขอฝากพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ที่เคยเป็นนายตำรวจนักวิชาการ ที่มีเกียรติยศเกียรติภูมิ แต่สิ่งที่ท่านทำวันนี้ต้องมาเกี่ยวข้องกับผู้บังคับบัญชาเดิม จนเกิดข้อคลางแคลงต่อสังคม ไม่อยากเห็นประธานป.ป.ช.หม่นหมองจากความกตัญญู ไม่อยากให้นำเกียรติภูมิที่ท่านต้องถูกทำลายจากเรื่องดังกล่าว ไม่อยากให้ฝืนทำสิ่งที่ผิด แค่ถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้คงไม่พอ แต่ต้องถอนตัวจากการเป็นเครื่องมือฟอกขาวให้คนผิด
สำนักข่าววิหคนิวส์


