พท.จุดพลุชวนทุกพรรคจับมือสกัดนายกฯคนนอก ขณะที่”ชวลิต”ซัดบิ๊กตู่เปิดตัวเป็นนักการเมืองแต่ถืออำนาจม.44คุมเลือกตั้ง เย้ยมีประเทศเดียวในโลก เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้าชี้ขาดกันด้วยประเด็นฮอตนายกฯคนนอก-นายกฯมาจากประชาชน ด้าน”องอาจ”รู้ทันเกมประยุทธ์เปิดตัวเป็นไปตามแผนหวังสืบทอดอำนาจ ชำแหละ4ประเด็นบันไดสู่เป้าหมาย แนะจับตาใช้ม.44ถางทางเพื่อความสำเร็จ
เมื่อวันที่ 7 ม.ค.61 naewna นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุนายกฯ คนนอก ที่เลือกตามระบบรัฐสภาจะป้องกันการปฏิวัติได้ ว่า ตามระบบประชาธิปไตยผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ บริหารประเทศต้องมาจากประชาชน ดังนั้น ผู้แทนราษฎรที่ผ่านการเลือกตั้งของประชาชนต้องคัดสรรบุคคลตามรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอให้เป็นนายกฯ ให้ได้ และโดยมารยาทแล้วก็ต้องให้พรรคการเมืองที่ได้เสียง ส.ส.มากที่สุดเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องเลือกคนในรายชื่อที่ทุกฝ่ายยอมรับ หากไม่เป็นเช่นนั้นจะพูดไม่ได้เลยว่า นายกฯ มาจากประชาชน
พท.ทุกพรรคจับมือต้าน”คนนอก”
นายอำนวย กล่าวว่า เมื่อกติกาเขียนเปิดช่องให้สมาชิกรัฐสภาสองในสามเข้าชื่อยกเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อคัดเลือกคนนอกบัญชีเป็นนายกฯ ได้ อาจเป็นทางออกหนึ่งแต่ตนคิดว่าคนที่มาจากการเลือกตั้งต้องเลือกคนที่มาจากประชาชนเป็นนายกฯ และมองว่าแม้นายกฯคนนอกจะเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ได้ระดับหนึ่งแต่ไม่อาจป้องกันการปฏิวัติได้ เพราะมันจะนำความขัดแย้งตามมาสุดท้ายก็เจอทางตันอีกแล้วเราก็จะหนีปัญหาเดิมๆ ไม่พ้น ทางที่ดีทุกพรรคควรจับมือกันไม่เอานายกฯคนนอกแล้วเดินตามระบบประชาธิปไตยขับเคลื่อนประเทศ
ชวลิตซัดบิ๊กตู่ถือม.44คุมเลือกตั้ง
ด้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ รับว่าเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร และไม่ปิดทางการเป็นนายกฯ จากคนนอก เพราะอยู่ในระบบรัฐธรรมนูญ ว่า ปัจจุบันนี้รัฐบาลนี้ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลทหาร เพราะได้อำนาจมาจากการรัฐประหารโดยกำลังทหาร และยังควบคุมประเทศอยู่โดย คสช.ที่สำคัญไม่มีนักการเมืองประเทศไหนมีมาตรา 44 (ม.44) อยู่ในมือ ทั้งในการเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ จะเป็นการเลือกตั้งที่แปลกที่สุดในโลก คือ มี ม.44 กำกับอยู่ ทั้งก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จ
“ตรงนี้น่าเป็นห่วงว่าจะกระทบความเชื่อมั่นประเทศอย่างยิ่ง สรุปคนที่จะมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ซึ่งท่านไม่ปฏิเสธปิดทาง กำลังอยู่ในฝ่ายบริหารของรัฐบาลชุดนี้ มีอำนาจบริหารประเทศและจัดการเลือกตั้งร่วมกับ กกต.โดยมี ม.44 เป็นอำนาจพิเศษกำกับอยู่” นายชวลิต กล่าว
เชื่อนายกฯคนนอกชี้ขาดเลือกตั้ง
นายชวลิต กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าประชาชนคงมีข้อพิสูจน์ระดับหนึ่งว่าในช่วงที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนบริหารประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง โดยเฉพาะเงินในกระเป๋าของประชาชนเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศย่างเข้าสู่ปีที่ 4 เงินในกระเป๋าพอกพูนขึ้นหรือหดหาย แล้วมีหนี้สินมาพอกพูนทดแทนหรือไม่ ประชาชนล้วนสัมผัสได้จากชีวิตจริง
“ดังนั้น ประเด็นการเลือกตั้งสุดฮอตที่รอการลงคะแนนจากประชาชน คือ นายกฯ จากคนนอก หรือมาจากมือประชาชน รอการพิสูจน์ความเชื่อมั่นของประชาชนว่าใครจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนได้” นายชวลิต กล่าว
“องอาจ”รู้ทันเกมสืบทอดอำนาจ
ขณะที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มาจากทหาร และไม่ปิดทางตัวเองในการเป็นนายกฯ คนนอกนั้น ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะการประกาศแนวทางการเมืองของนายกฯ ครั้งนี้ น่าจะผ่านการกลั่นกรองเตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี ที่จะดำเนินการทางยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวทางการเมืองตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหารจนกระทั่งถึงปัจจุบันได้ดำเนินการตามแผนการหลักๆ ผ่านแม่น้ำ 5 สาย ที่แต่งตั้งโดยหัวหน้า คสช.และมีการดำเนินการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบมาตามลำดับดังนี้
แฉบันได4ขั้นสู่เป้าหมาย
1.กรธ.จัดทำรัฐธรรมนูญ ที่เอื้ออำนวยต่อการสืบทอดอำนาจด้วยการให้มี ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คน สามารถเลือกนายกฯ ได้ และให้ที่ประชุมรัฐสภาสามารถเลือกนายกฯ คนนอกที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนได้ นอกจากนั้น ยังมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตราที่สนับสนุนการทำงานหลังจากสืบทอดอำนาจ
2.มีการจัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอีก 10 ฉบับ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ และการเลือกตั้งที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ และใช้อำนาจต่อไปในอนาคต
3.ถึงแม้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้แล้วก็ไม่ยกเลิกคำสั่ง คสช.ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ จากนั้นก็ใช้ ม.44 ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขเนื้อหาสาระของกฎหมายพรรคการเมืองโดยเฉพาะการรีเซ็ตสมาชิกพรรค ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการของการนำไปสู่การสืบทอดอำนาจ
4.การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สอดรับการสืบทอดอำนาจหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การตั้งคำถามประเด็นการเมือง ให้ประชาชนตอบทั้ง 4 ข้อ และคำถาม 6 ข้อ รวมถึงการลงพื้นที่ ที่มีความถี่สูง มีการอัดฉีดเม็ดเงินในการผลักดันโครงการต่างๆ จำนวนมาก 5.เครือข่ายของผู้มีอำนาจหลากหลายฝ่ายได้เดินสาย ขยายฐานรวบรวม นักการเมือง พรรคการเมือง รวมถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นฐานรองรับการเข้าสู่อำนาจตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ
จับตาใช้ม.44ถางทางขึ้นสู่อำนาจ
นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า การประกาศตัวเป็นนักการเมือง ที่มาจากทหาร และไม่ปิดทางตนเองในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในการเดินไปสู่เป้าหมายในการสืบทอดอำนาจ และเชื่อว่านับจากนี้เป็นต้นไป อาจมีการใช้ ม.44 และใช้อำนาจต่างๆ เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรค พร้อมทั้งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายแต่การจะดำเนินการไปสู่เป้าหมายได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขปัจจัยหลายประการ
เตือนหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
“ปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่ง ก็คือการใช้อำนาจในช่วงหนึ่งปีกว่ากว่าๆ หลังจากนี้ไปจะต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าท่านนายกฯ และรัฐบาล รวมทั้งบริวารแวดล้อม ของท่านตั้งใจทำงาน ใช้อำนาจเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง และไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ แต่อย่างใดแต่ถ้าใช้อำนาจเพื่อตนเอง และพวกพ้องปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบ หนทางแห่งการสืบทอดอำนาจก็อาจจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปตามใจปรารถนาก็ได้” นายองอาจ กล่าว
“ยะใส”ให้จับตาปัจจัยทำจุดเปลี่ยน
เช่นเดียวกับ นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) แสดงความเห็นว่าสถานการณ์การเมืองในปีนี้มีปัจจัยที่ต้องจับตา เพราะอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองและทำให้ภาพการเมืองที่สลับซับซ้อนมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยังต้องจับตาความชุลมุนวุ่นวายจากปัญหาการปลดล็อกพรรคการเมือง
ปัจจัยที่หนึ่ง ปีนี้ถือเป็นปีของการเตรียมการเลือกตั้งกลุ่มก้อนทางการเมืองและพรรคการเมืองทั้งเก่าใหม่ หรือพรรคที่สนับสนุน คสช.จะเปิดตัวชัดเจน ส่วนจะมีเลือกตั้งปลายปีนี้หรือใหม่ยังไม่มีใครรับประกันได้ แต่ที่น่าจับตาเราจะเห็นการเปลี่ยนร่างแปลงกายของ คสช.เพื่อเตรียมการ ส่งผ่านอำนาจ ปีนี้คงได้เห็นโฉมหน้าพรรคทหารหรือพรรคที่สนับสนุนทหารและที่ต้องจับตาคือการแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ที่มีอำนาจทางการเมืองมากที่สุดในขณะนี้จะปรากฏตัวบนเวทีทางการเมืองชัดขึ้นเข้มขึ้นและไม่เหนียมอายอีกต่อไป
เตือนเปิดศึกบนดิน-ใต้ดินจนขัดแย้ง
ปัจจัยที่สอง โรดแมปเลือกตั้งยังเป็นวาระที่อยากจะปักธงว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่กันแน่และต้องไม่มองข้ามปัจจัยพิเศษที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะแม้แต่ตัวพลเอกประยุทธ์เองครั้งล่าสุดยังพูดในลักษณะปลายเปิดไม่มีหลักประกันว่าการเลือกตั้งจะเกิดเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ฉะนั้นโรดแมปที่อึมครึมเช่นนี้อาจจะเกิดการเคลื่อนไหวกดดันของบรรดาพรรคการเมืองเข้มข้นขึ้นทั้งบนดิน และใต้ดินเพราะบรรดานักการเมืองถูกเว้นวรรคมา 4 ปี จึงไม่อาจนิ่งดูดายอีกต่อไป ซึ่งอาจกลายเป็นปมเผชิญหน้าขัดแย้งในปีนี้ได้เช่นกัน
เชื่อถ้าศก.แน่คสช.เลือกตั้งเร็วขึ้น
ปัจจัยที่สาม กระแสปฏิรูปก่อนเลือกตั้งแม้ภาพรวมจะดูริบหรี่ไร้ความหวัง แต่วาระปฏิรูปประเทศก็ยังคาใจประชาชนไม่ได้หดหายไปไหน ซึ่งเชื่อว่าบรรยากาศจะกลับมาอีกครั้งในช่วงหาเสียงเลือกตั้งหรือในครั้งรัฐบาลหน้าเพราะการปฏิรูปเป็นความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป ฉะนั้น พรรคการเมืองที่ชูธงเรื่องปฏิรูปจะมีความได้เปรียบสูง
ปัจจัยที่สี ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นตัวแปรของการกำหนดวันเลือกตั้ง ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นเป็นรูปธรรมกระแสกดดันเลือกตั้งอาจไม่มีพลังกดดัน คสช.ได้พอ เว้นแต่ว่า คสช.จะชิงกำหนดวันเลือกตั้งในช่วงที่ยังมีคะแนนนิยมเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับพรรคที่สนับสนุน คสช.แต่ถ้าเศรษฐกิจแย่จะส่งผลให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น คสช.คงไม่ดึงเกมซื้อเวลาเพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์เข้าสู่ความเสี่ยง
สำนักข่าววิหคนิวส์


