ข่าวประจำวัน » #ผลสอบกองทัพไม่ผิดจากที่คาด ครอบครัวน้องเมย สู้ยิบตา! เดินหน้าพึ่งกระบวนการยุติธรรม

#ผลสอบกองทัพไม่ผิดจากที่คาด ครอบครัวน้องเมย สู้ยิบตา! เดินหน้าพึ่งกระบวนการยุติธรรม

23 December 2017
755   0

ยังคงต้องสู้กันอีกยาวไกล สำหรับการทวงคืนความยุติธรรมของ “ครอบครัวตัญกาญจน์” กรณีการสูญเสีย “น้องเมย – นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์” นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 หลังผลสอบกองทัพ “ไม่มีอะไร” พร้อมยืนยัน “ปัญหาสุขภาพ” ป่วยโรคแปลกไฮเปอร์เวนติเลชั่น (ภาวะหอบจากอารมณ์) จนถูกสังคมวิจารณ์ระงม “…ตาใส” ย้อนแย้งผลชันสูตรพลิกศพสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พบ “ร่องรอยบอบช้ำ” คาดโดนซ่อมวินัยเกินเหตุอันควร ส่งผลให้ทางครอบครัวตัดสินใจเดินหน้าพึ่งกระบวนการยุติธรรม

Mgronline-ถ้อยแถลงผลสอบการเสียชีวิตของน้องเมย นำโดยคณะกรรมการชุด พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้สรุปผลสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน มีอาการไฮเปอร์เวนติเลชั่น เกร็ง ชา มือจีบ ความเครียดสูง และยอมรับถูกซ่อม 2 วันติด ทั้งยึดพื้นห้องเซานากว่า 1 ชม. วิ่ง 100 เมตร กระโดดกบ 20 เมตร ต่อด้วยพุ่งหลังจนฟุบ แต่กองทัพเชื่อว่าไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ตาย ส่วนรอยฟกช้ำตามร่างหายเกิดจากตกบันได 8 ขั้น สูงเมตรครึ่ง

ขณะเดียวกันมีการนำผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์แต่ละห้วงเวลามาให้ข้อมูลเป็นพยาน 42 คน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1นักเรียนเตรียมทหาร จำนวน 22 คน นักเรียนเตรียมทหารปีที่ 3 จำนวน 13 คน และนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 จำนวน 9 คน, กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วยแพทย์ของกองแพทย์ทหารโรงเรียนเตรียมทหารจำนวน 3 คน แพทย์โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 1 คน และแพทย์จากศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎ เกล้า 1 คน, กลุ่มที่ 3 นายทหารปกครอง 4 คน อาจารย์ประจำชั้น 1 ครูพลศึกษา 2 คน และกลุ่มที่ 4 เป็นผู้ช่วยนายทหารยกกระบัตร 1 คน พลขับ รถพยาบาล 2 คน และเวรประจำวันของกองแพทย์ 3 คน พนักงานบริการและเจ้าหน้าที่โรงเรียน 2 คน

สรุปผลพยานให้การสอดคล้องไม่พบบุคคลเกี่ยวข้องหรือถูกลงโทษในวันเกิดเหตุ

พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวยืนยันว่าหลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหารเป็นมาตรฐานของโรงเรียนทหารทั่วไป และยืนยันว่าระบบของการธำรงวินัย หรือการปรับปรุงวินัยของโรงเรียนเตรียมทหารยังดีอยู่ แต่มีข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากตัวบุคคล

หลังจากคณะกรรมการชุด พล.อ.อ.ชวรัตน์ แถลงสรุปผลสอบสวนว่า น้องเมยไม่ได้ถูกซ่อมจนเสียชีวิต ยืนยันผลสอบเดิมไม่มีอะไรใหม่สาเหตุเกิดจากปัญหาสุขภาพ คุณแม่ของน้องเมย นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ เปิดเผยความรู้สึกผ่านแฟซบุ๊คส่วนตัว ความว่า

เพราะเคยมีตัวอย่างมาทำให้ได้เรียนรู้ว่า #ตายเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ผิด ใช่หรือไม่? ดูแถลงข่าวเมื่อวาน #น่าอับอายมากจริงๆ (น่าสังเวชและยิ่งเวทนาแท้ นั่งดูแถลงข่าวไปนั่งขำอยู่ในใจ)

“Meay P Tanyakan ไม่ขอบคุณ แถมยังไม่พอใจ พี่ นร.บังคับบัญชา (ตลก) ให้ร้ายคนตายนี่นะ

กล้องวงจรปิด ชุดพรางเดินถือตะกร้า เฮ้อ นร.ควรเรียน เวลานั้นไม่ใช่เดินถือตะกร้าแล้ว (ไม่เนียน วันอังคารอยู่กองแพทย์ มาเดินอะไรที่กองพัน)? ช่างมันเถอะ

วันที่ 17 ไม่มีใครทำร้ายเมย เพราะอยู่กองแพทย์ใช่ แต่ถามว่า เมยโดนอะไรหนักขนาดก่อนวันที่ 17 หามกันขึ้นมา VDO 4 ชม. ตอนหายไปไหน ? แต่มีภาพช่วงบ่าย ? บันไดที่ตก เห็นแค่มีการประคอง แล้วที่ตกลงมาอยู่ไหน เอาเป็นว่าประจวบเหมาะกันตลอด ***หาหลักฐานไม่ได้

อีกเรื่องภาวะหอบทางอารมณ์ เพิ่งจะได้รู้จักโรคนี้ และเพิ่งทราบด้วยว่าเป็นโรคระบาด ใครเรียนที่นี่เป็นกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ (หาวัคซีนเตรียมป้องกันด้วยนะ น่าเป็นห่วง)”

เมื่อผลสอบของกองทัพเข้าอีหรอบเดิม เป็นเพียงเกมยื้อเวลาเพราะสิ่งที่กองทัพได้แถลงไม่ใช่เรื่องใหม่เลย “ครอบครัวตัญกาญจน์” จึงเดินหน้าพึ่งกระบวนการยุติธรรม คุณพ่อ นายพิเชษฐ์ ตัญกาญจน์, คุณแม่น้องเมย นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ และพี่สาว น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ รวมทั้งญาติสนิท ได้แจ้งความดำเนินคดีโดยเข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2560

ทว่า ทางครอบครัวตัญกาญจน์ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการแจ้งข้อหาในครั้งนี้ว่าแจ้งข้อหากับบุคคลใดและข้อหาใด โดยบอกว่าขอให้เป็นเรื่องระหว่างครอบครัวกับตำรวจเท่านั้น พร้อมทั้งระบุว่า “เชื่อมั่นในกระบวนการของตำรวจ”

ด้าน พลตำรวจตรี วัฒนา ยี่จีน ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ส่วนความคืบหน้าในการวบรวมพยานหลักฐาน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก ที่จะรวบรวมผลการชันสูตรเมื่อรวบรวมครบแล้ว และส่วนที่ 2 คือส่งผลชันสูตรให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านนา เพื่อใช้ประกอบการสอบปากคำพยานแวดล้อม เบื้องต้นตำรวจได้สอบปากคำพยานไปแล้ว มากกว่า 10 ปากแล้วซึ่งส่วนใหญ่เป็นแพทย์

“ตอนนี้หวังพึ่งกระบวนการยุติธรรม พึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมากที่สุด เพื่อหาหลักฐานข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้เสียชีวิต” ครอบครัวตัญกาญจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเพื่อนชั้น ม.6/7 โรงเรียนสาธิต (พิบูลบำเพ็ญ) มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อนร่วมรุ่นชั้นมัธยมของ น้องเมย- นตท.ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ เปิดเผยว่า พวกตนไม่เคยเชื่อการให้ข่าวของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่บอกว่าเสียชีวิตจากปัญหาสุขภาพ เนื่องจากเมยมีสุขภาพที่แข็งแรงและยังเป็นคนบ้าพลังในสายตาเพื่อนๆ และร่วมกันจัดทำหนังสือรุ่น โดยนัดถ่ายภาพหมู่นำภาพของ นตท.ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ ร่วมบรรจุอยู่ในหนังสือรุ่น พร้อมทั้งเชิญครอบครัวของน้องเมย ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก พร้อมบอกว่า แม้ในวันนี้ เมย จะไม่อยู่แล้วแต่พวกตนก็ต้องการให้เพื่อนซึ่งเป็นที่รัก ได้มีภาพถ่ายอยู่ในทำเนียบรุ่นเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำ

“วันนี้เราอยากให้ผู้ใหญ่พูดความจริงเรื่องการเสียชีวิตของ เมย เพราะเราเองก็อยากรู้เช่นเดียวกับคนในสังคม และคนเกือบทั้งประเทศ และยังขอเรียกร้องให้การสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของ เมย ยึดหลักทางวิทยาศาสตร์มากกว่าข้ออ้างทั้งหมด เราเสียใจที่เพื่อนอยากเป็นทหาร แต่กลับไม่ได้ตายในสนามรบ แต่กลับต้องตายแบบไม่มีคำตอบ เราเสียดายอนาคตของเพื่อน และไม่ต้องการให้คำตอบของผู้ใหญ่เป็นคำตอบที่คาใจแบบนี้” เพื่อนน้องเมย กล่าว

การต่อสู้ของ “ครอบครัวตัญกาญจน์” ยังคงอีกยาวไกล ความยุติธรรมเสมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์

สำนักข่าววิหคนิวส์