#ผบ.ทอ. ปากีสถานสั่งให้ยิงโดรนของสหรัฐได้ หากละเมิดน่านฟ้า

วันที่ 9 ธ.ค. 60 RT พาดหัวข่าวว่า “Pakistani Air Force ordered to shoot down US drones”

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ผบ. กองทัพอากาศปากีสถาน (PAF) ได้มีคำสั่งให้กองทัพอากาศสามารถยิงโดรนต่างชาติที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศได้ ซึ่งรวมทั้งของสหรัฐด้วย

พล.อ.อ. Sohail Aman ได้รื้อฟื้นหลังกรณีการละเมิดความไว้วางใจที่ปากีสถานได้ชำระเงินค่าฝูงบินรบ F-16 ให้สหรัฐไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับเครื่องบินเลย

“เราได้กระทำความผิดพลาดในกรณีของโอซามา บิน ลาเดน (Osama bin Laden) แต่ บัดนี้อธิปไตยของประเทศเราจะได้รับการปกป้องไม่ว่าด้วยกรณีใด” ผบ.ทอ. ปากีสถานกล่าวถ้อยแถลงในงาน AirTech 17 expo ที่มหาวิทยาลัยกองทัพอากาศ ปากีสถาน

พล.อ.อ. Sohail Aman ได้อ้างถึงปฏิบัติการของหน่วยคอมมานโดของสหรัฐที่นำโดย CIA ในเดือนพฤษภาคม 2011 ซึ่งรวมทั้งกรณีเฮลิคอปเตอร์ Black Hawk (ของสหรัฐ) ได้บินข้ามชายแดนจากเมือง Jalalabad ประเทศอัฟกานิสถานไปยังเมือง Abbottabad ประเทศปากีสถาน ซึ่งทางปากีสถานไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการลอบสังหารที่มีการวางแผนเอาไว้ จนนำไปสู่การสร้างความโกรธแค้นทั่วประเทศ

“เราจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดมาละเมิดน่านฟ้าของเรา” พล.อ.อ. Sohail Aman กล่าว อ้างคำพูดโดย The Times of India และได้สั่งให้ PAF “ยิงโดรน (ของต่างชาติ) ให้ตก ซึ่งรวมทั้งของสหรัฐด้วย ถ้าโดรนเหล่านั้นเข้าไปยังน่านฟ้าของปากีสถาน ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ”

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สหรัฐได้ส่งโดรนของตนเองปฏิบัติภารกิจบินเหนือน่านฟ้าปากีสถานและโจมตีทางอากาศในผู้ต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ชนเผ่าซึ่งอยู่ติดกับชายแดนอัฟกานิสถาน การปฏิบัติการในลักษณะนี้ได้สร้างความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงขึ้นในหมู่ประชาชนชาวปากีสถาน เนื่องจากมียอดผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนเป็นจำนวนมาก

รายงานข่าวกล่าวต่ออีกว่า พล.อ.อ. Aman ได้ชื่นชมบรรดาวิศวกรด้านการบินและบรรดานักวิทยาศาสตร์ของปากีสถาน โดยกล่าวว่า ประสบการณ์และวิธีการที่ปราชเปรื่องของบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ประเทศชาติต้องการ ซึ่งไม่ต้องพึ่งพาการจัดหาอากาศยานทางทหารจากต่างประเทศ

ผบ.ทอ. ปากีสถานได้เตือนผู้ฟังให้จดจำถึงกรณีสหรัฐยกเลิกการส่งมอบเครื่องบินรบ F-16 ที่ผลิตโดยสหรัฐ แม้ว่าทางปากีสถานจะได้ชำระเงินหลายล้านดอลลาร์เป็นค่าเครื่องบินรบให้สหรัฐแล้วก็ตาม

เหตุการณ์นี้ได้แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ (bumpy) ในความสัมพันธ์ระหว่างกรุงอิสลามาบัดและกรุงวอชิงตัน ในช่วงยุค 80 สหรัฐต้องการการสนับสนุนจากปากีสถานเพื่อบ่อนทำลายกองทัพโซเวียตในอัฟกานิสถาน โดยหว่านเงินสดหลายพันล้านดอลลาร์ให้ปากีสถานและความช่วยเหลือด้านการทหารเพื่อ “ทำจีฮัดต่อต้านโซเวียต” (anti-Soviet jihad)

อย่างไรก็ตามสหรัฐไม่พอใจที่ปากีสถานซุ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองจนประสบความสำเร็จเพื่อต่อต้านอิเดียที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองเช่นกัน สหรัฐจึงออกกฎหมายห้ามให้ความช่วยเหลือใดๆที่อาจจะนำไปสู่การผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ต่อมาเพื่อเอาใจปากีสถานให้พักการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ สหรัฐจึงมีการแก้ไขข้อ Pressler ปี 1985 จากนั้นก็กลับไปให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ปากีสถานอีกครั้ง

หลังจากที่กองทัพสหภาพโซเวียต (USSR) ถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานในปี 1990 สหรัฐก็ไม่ได้ให้ราคากับปากีสถานมากเท่าไร และก็บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเกี่ยวกับการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ต่อปากีสถาน โดยระงับข้อตกลงส่งมอบเครื่องบินรบ F-16 จำนวน 28 ลำให้กับกองทัพอากาศของปากีสถาน ซึ่งปากีสถานได้จ่ายเงินไปแล้วถึง $650 ล้าน (ในสมัยนั้น) นอกจากนี้สหรัฐยังตบสั่งสอนปากีสถานด้วนการเรียกเก็บค่าเก็บส่วยเดือนละ $50,000 อีกด้วย เป็นการพูดเชิงแดกดัน กรณีที่ปากีสถานจะต้องจ่ายเงินรายปีให้กับผู้รับเหมาของสหรัฐสำหรับเป็นค่าเช่าสถานที่เก็บเครื่องบินรบที่สหรัฐไม่ยอมส่งมอบให้ปากีสถานจนกระทั่งถึงปี 1993 (แสบไหมหละนายจ๋า?) เจ้าหน้าที่เพนตากอนบอกกับปากีสถานว่าจะมีการส่งมอบเครื่องบินรบให้แน่นอน