นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวถึงกรณีหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ระบุจะรวบรวมเสียงได้ 376 เสียงเพื่อทำประชามติ จัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยฉีกรัฐธรรมนูญ 2560 ทิ้งไป เพราะเห็นว่าเป็นผลพวงของเผด็จการ ไม่เป็นประชาธิปไตย ว่าผู้พูดควรชี้ให้ชัดว่าบทบัญญัติใดที่ไม่เป็นประชาธิปไตยควรแก้ไข ด้วยเหตุใด การพูดแบบนี้เป็นการเหมารวมเข่งอย่างไม่ยุติธรรมต่อประชาชน 16.8 ล้านคนที่ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
“ยกตัวอย่างเรื่องหมวดสิทธิเสรีภาพ ในมาตรา 23 ที่รัฐธรรมนูญชี้ว่า การใดที่มิได้บัญญัติเป็นข้อห้ามไว้ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ นี่เป็นสิทธิเสรีภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรัฐธรรมนูญฉบับใดๆ หรือมาตรา 77 รัฐจะออกกฎหมาย ต้องถามความเห็นประชาชนก่อน หรือหรือถ้าประชาชนถูกละเมิดสิทธิ ก็สามารถทะลุไปใช้มาตรา 213 ที่บุคคลมีสิทธิร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ นี่เป็นแก่นแกนสำคัญยิ่งของรัฐธรรมนูญที่เป็นคุณต่อประชาชนในการใช้ประชาธิปไตยทางตรง อย่างนี้ไม่เป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองหรือ”
นอกจากนี้บทบัญญัติเรื่องการปฏิรูประเทศในหมวด 16 ทั้งหมด ล้วนเป็นกำกับประเทศให้เดินไปสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น โดยให้เกิดความต่อเนื่องกัน ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็จะต้องทำหน้าที่ปฏิรูป ไม่ใช่จะไปเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาตามอำเภอใจของคนที่ขึ้นมากุมอำนาจในเวลาสั้นๆอย่างที่ผ่านมา
ส่วนประเด็นความขัดแย้งที่อ้างว่าจะแก้ไขได้ด้วยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่นั้น ขอชี้ว่าไม่จริง เพราะอย่างน้อยก็จะต้องขัดแย้งกับประชาชนเสียงข้างมาก16.8 ล้านคนที่ลงมติรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และถ้าเกิดฉีกได้แล้วร่างได้ขึ้นมาจริงๆ คิดหรือว่าจะไม่มีคนอื่นมาฉีกใหม่มาร่างใหม่อีก
สำนักข่าววิหคนิวส์