รัฐบาลศรีลังกาประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 10 วันเริ่มตั้งแต่วันอังคาร และห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในยามวิกาลตามเวลาที่กำหนดในเมืองแคนดี้ทางภาคกลางเพื่อควบคุมสถานการณ์จลาจลระหว่างกลุ่ม2ศาสนา หลังจากชายชาวพุทธรายหนึ่งถูกกลุ่มมุสลิมรุมทำร้ายเสียชีวิต
สำนักข่าวเอพี รอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ว่า ความรุนแรงระหว่างชุมชนครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ ในเมืองแคนดี้ เมืองที่ขึ้นชื่อทางด้านการปลูกชา และพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า บ้านเรือนร้านค้าของชาวมุสลิมหลายสิบหลัง รวมทั้งมัสยิด ถูกเผา และเจ้าหน้าที่พบศพชายชาวมุสลิมรายหนึ่ง ในบ้านที่ถุกเผาหลังหนึ่ง ตำรวจประกาศห้ามประชาชนออกนอกบ้านเรือนในยามค่ำคืนในเมืองแคนดี้ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในกรุงดคลัมโบจัดส่งตำรวจปราบจลาจลจากส่วนหกลางหลายร้อยนายไปเสริม เพื่อควบคุมสถานการณ์
ทางด้านนายราอุฟ ฮาคิม รัฐมนตรีกระทรวงผังเมือง เผยว่า คณะรัฐมนตรีศรีลังกาตัดสินใจใช้มาตรการเด็ดขาด ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 10 วัน เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่ศรีลังกาประกาศใช้มาตรการนี้ หลังจากเคยใช้นานเกือบ 30 ปี ในระหว่างการปราบปรามกลุ่มกบฎพยัคฆ์ทมิฒอีแลม ที่สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของรัฐบาลในปี พ.ศ. 2552
ประมาณ 75 % ของชาวศรีลังกา 21.5 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นชาวสิงหลซึ่งเกือบทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธ ขณะที่ชาวฮินดูมีประมาณ 12.6 % และชาวมุสลิม 9.7 % ความสัมพันธ์ระหว่างชาวสิงหลและชาวมุสลิมในศรีลังกาส่วนใหญ่มีความสนิทสนม แต่เกิดความตึงเครียดในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มชาวพุทธหัวรุนแรงบางส่วนกล่าวหาชาวมุสลิมบังคับประชาชนให้หันไปนับถือศาสนาของตน และทำให้ศาสนสถานโบราณของชาวพุทธเสียหาย นอกจากนั้น ชาวพุทธชาตินิยมบางกลุ่มยังไม่พอใจการเข้าไปอยู่อาศัยในศรีลังกาของผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาจากเมียนมา
ชมคลิป
Cr.Dailynews
สำนักข่าววิหคนิวส์
