ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ปปป.ชงเอาผิด !! 4พระเถระชั้นผู้ใหญ่ และอีก100วัดเอี่ยวเงินทอน

#ปปป.ชงเอาผิด !! 4พระเถระชั้นผู้ใหญ่ และอีก100วัดเอี่ยวเงินทอน

27 September 2017
630   0

        ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามความผิดว่าด้วยการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) 


        นำโดย พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รอง ผบก.ปปป. ได้นำสำนวนคดีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด เงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555-60 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท แยกเป็น 21 สำนวน 33 แฟ้ม รวมเอกสารกว่า 13,000 แผ่น เข้ามอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่าน นายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักการข่าวและกิจการพิเศษ เพื่อให้ ป.ป.ช. ดำเนินการเอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย
        แนวหน้า – พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า การยื่นสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากมีการยื่นสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดไปแล้วก่อนหน้านี้ 1 ครั้ง โดยพบการทุจริตใน 23 วัด แต่วันนี้มีการยื่นสำนวนเพียง 21 วัด ยังเหลือในส่วนของ วัดบำเพ็ญเหนือ และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร จะต้องรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมก่อนจะนำมายื่นต่อ ป.ป.ช.ในวันที่ 29 กันยายน
        โดยทั้ง 21 สำนวน แยกผู้กล่าวหาออกเป็น 3 ประเภท คือข้าราชการและอดีตข้าราชการ 13 ราย พระเถระ 4 ราย ตามที่ปรากฏเป็นข่าว และประชาชน 2 ราย ซึ่งในส่วนของข้าราชการและพระบางรูป จะเป็นการดำเนินการในส่วนความผิด มาตรา 147 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสารก็จะโดนมาตรา 162 ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการเพิ่มอีกข้อหาด้วย ขณะที่พระบางรูปและประชาชน จะเป็นความผิดตามมาตรา 68 ฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด
        ส่วนการออกหนังสือเชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูป มารับทราบข้อกล่าวหานั้น มีเพียงพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวัดราชสิทธารามฯ เท่านั้นที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา แต่กระบวนการหลังจากนี้ก็จะขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.จะดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นนั้นร้อยละ 90 เจ้าอาวาส พระ และวัด ไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เป็นการดำเนินการของเข้าหน้าที่ระดับสูงและระดับกลางของ พศ. ซึ่งทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พอโดยเรียกเงินทอนก็ทำอะไรไม่ได้ มีเพียงส่วนน้อยที่พระและวัดมีส่วนรู้เห็น
        รอง ผบก.ปปป. กล่าวอีกว่า ผ่านมาทาง บก.ปปป.ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง พศ. เพื่อให้รับทราบรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการและอดีตข้าราชการเพื่อให้ลงโทษทางวินัยแล้ว รวมทั้งรายงาน ศอตช. เพื่อดำเนินการต่อไป ในส่วนของพระเถระเอง ก็มีหนังสือกราบเรียนสมเด็จพระสังฆราชแล้ว รวมทั้งส่งหนังสือไปยังมหาเถระสมาคม (มส.) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าทางมหาเถระสมาคมจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
        นอกจากนั้น บก.ปปป. ยังมีข้อมูลการทุจริตเงินทอนวัดในลักษณะนี้อีกประมาณ 100 วัด ซึ่งเป็นข้อมูลจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. ที่เคยให้ไว้ โดยพบว่ามีการทุจริตชัดเจน แต่มีงบประมาณในบางส่วนที่สูงมาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ซึ่งบก.ปปป.จะมีการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและทำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป ซึ่งคาดว่าผู้กระทำผิดจะเป็นบุคคลกลุ่มเดิมและมีผู้กระทำผิดรายใหม่เพิ่มเข้ามาเล็กน้อย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน ก็จะได้ข้อสรุปในบางส่วน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการดำเนินการของ บก.ปปป. และ ป.ป.ช. เป็นคนละส่วนกับการตรวจสอบภายในของ พศ.
        ด้าน นายสุทธิ กล่าวว่า หลังจากนี้ก็จะมีการนำสำนวนคดีที่ยื่นเข้ามาใหม่ ไปรวมกับสำนวนคดีเดิมที่ บก.ปปป.เคยยื่นไว้แล้ว เพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป แต่สำนวนที่ บก.ปปป.รวบรวมมานั้นถือว่าดีมากแล้ว ซึ่งก็จะทำให้ ป.ป.ช.ทำงานง่ายขึ้น ส่วนการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนในเรื่องดังกล่าวนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนชุดเดียวกัน แล้วแยกย่อยออกเป็นคณะทำงานแต่ละภาค หรืออาจจะตั้งคณะอนุกรรมการแยกเป็นแต่ละล๊อตก็ได้

สำนักข่าววิหคนิวส์