มือกม.ปชป. มองก๊วนตร.พา “ยิ่งลักษณ์” หนีไม่ผิด ยิ่งทำให้กังวลเกี่ยวกับเครือข่าย “ทักษิณ” ทำอะไรก็ไม่ผิด โวยผู้ใหญ่ในบ้านเมืองปั่นข่าวอ้างไม่มีหมายจับ ยันช่วยผู้ต้องหาหลบหนี ผิดกม.อาญาม.189 อัด “ศรีวราห์” ช่วยพวกเดียวกันเองทั้งที่รู้อยู่แล้ว ระวังโดน 157 จี้ผู้มีอำนาจจัดการสาวถึงใคร ย้ำชัดตร.มะเขือเทศยังมี
วันนี้ (25ก.ย.) mgr – นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่เกิดความสับสนในบ้านเมืองว่า การที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับพันตำรวจเอก พันตำรวจโท และอีก 10 คนรวมถึงมีข่าวโยงว่ามีพล.ต.อ.ร่วมในการพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากกรุงเทพไปส่งที่สถานีรถไฟอรัญประเทศว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ ซึ่งพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ไม่ผิดเพราะเป็นการกระทำก่อนออกหมายจับ ต่อมามีรายงานว่าเป็นแหล่งข่าวจากผู้พิพากษาระบุว่า ไม่ผิดเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดความกังวลว่า เมื่อใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายทักษิณไม่ว่าจะเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ก็จะมีการออกมาบอกว่าไม่ผิด
ทั้งนี้การที่อ้างแหล่งข่าวจากผู้พิพากษานั้นไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะมาตรา 189 ของกฎหมายอาญา ระบุว่า ผู้ใดช่วยผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดไม่ให้ต้องรับโทษ ถือว่ามีความผิด ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด ป.ป.ช.ชี้มูล อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับคำฟ้อง ก็ถือว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อีกทั้งไม่ใช่ความผิดลหุโทษ เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจต้องโทษจำคุก 5 ปีหรือ 7 ปี ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวว่าจะออกหมายจับหรือไม่ จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองปั่นเรื่องให้สังคมสับสน เพราะการพาหนีครั้งนี้เป็นการทำผิดแล้ว การอ้างว่ายังไม่มีการออกหมายจับเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4922/2539 ซึ่งเป็นคดีที่ตำรวจสั่งรถบรรทุกไม้ให้หยุด แต่ตำรวจอีกคนพาหนี ศาลฎีกาตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ในขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราววงเงิน 30 ล้านบาท มีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาคนที่ศาลสั่งห้ามออกนอกประเทศและเป็นคนที่ศาลฎีกาฯกำลังจะอ่านคำพิพากษา ไม่ว่าอย่างไรก็มีความผิด
“ไม่ทราบเจตจำนงของผู้ปล่อยข่าวให้เกิดความสับสนเพราะกรณีนี้มีความผิดอยู่แล้ว เนื่องจากมีคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานตั้งแต่ปี 2539 จึงเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปตำรวจเอาคนดีมาเป็นผู้บริหาร โดยใช้ระบบคุม คือกระจายอำนาจให้ประชาชนมีส่วนเป็นกรรมการในระดับจังหวัดหรือภาคเกินกึ่งหนึ่งและแยกตำรวจสอบสวนและปราบปรามออก ตั้งตำรวจอาวุโสอย่างน้อยร้อยละ 30 เหมือนอัยการและผู้พิพากษา จัดให้มีตำรวจอาสา ตำรวจชุมชน ซึ่งจะมีตำรวจดี ๆ ขึ้นมาจะทำให้กระบวนการยุติธรรมต้นทาง นำความสุขมาให้ประชาชน ไม่เหมือนกับที่เกิดในขณะนี้ที่มีคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานก็ยังไม่ฟัง” นายวิรัตน์ กล่าว
นายวิรัตน์ ยังเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามที่จะช่วยพวกเดียวกัน เพราะเป็นการแถลงข่าวที่ขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ชัดเจนว่าเรื่องการออกหมายจับไม่เกี่ยว การพาผู้ต้องหาหนีถือว่ามีความผิดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นความพยายามตัดตอนและบิดเบือนอย่างน่ารังเกียจ ผู้มีอำนาจต้องสอบสวนให้ชัดเจน เพราะการที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ ผู้รับผิดชอบคดีนี้ระบุว่าไม่มีความผิดขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลฎีกา สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดมาตรา 157 โดยเรื่องนี้ทำให้เห็นว่ายังมีตำรวจสีเสื้อแดงอยู่จำนวนมาก
สำนักข่าววิหคนิวส์