เลือกตั้งท้องถิ่นใช้กฎหมายเดิม “มท.1” เผยส่งความเห็นกลับ “กฤษฎีกา” เน้นแก้คุณสมบัติผู้ลงสมัคร อิงรธน.60 รับกม.ที่เหลือแก้ไม่ทัน โยน”รัฐบาล-คสช.” เคาะวันใช้สิทธิ์
แนวหน้า – 15 ธ.ค. 60 ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นว่า กระทรวงมหาดไทยได้ส่งความเห็นพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมายท้องถิ่น 6 ฉบับ กลับไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ประเด็นใหญ่ที่สำคัญคือ เรื่องคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น เราได้ส่งความเห็นไปให้มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2560
ต่อจากนี้หากกฤษฎีกาได้มีการทบทวนแล้วเสร็จก็จะส่งต่อไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณา ถ้ามีความพร้อมก็หมายความว่า พร้อมเลือกตั้งท้องถิ่น ขณะที่กฎหมายท้องถิ่นที่เหลือทั้งหมด อย่างเช่น จะมีการยุบหรือควบรวม อบต. ทั้งหมดหรือไม่ ยังทำไม่ทันแน่นอน ทราบมาว่า คงต้องใช้เวลาเป็นปี เพราะฉะนั้นถ้ามีการเลือกตั้งท้องถิ่นก็จะต้องใช้กฎหมายเก่าไปก่อน
“การแก้กฎหมายเพื่อเลือกตั้งท้องถิ่นขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของคุณสมบัติผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น ส่วนจะเลือกตั้งท้องถิ่นได้เมื่อไหร่นั้น ยังไม่ชัดเจน หากมีการแก้กฎหมายเสร็จเรียบร้อย คงต้องอยู่ที่นโยบายของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่จะเป็นผู้กำหนด แต่คาดว่า จะต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้งในระดับชาติ” รมว.มหาดไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น ที่กระทรวงมหาดไทยได้เสนอความเห็นกลับไปยังกฤษฎีกาแล้วนั้น อาทิ
1.คุณสมบัติในเรื่องการศึกษา ได้เห็นตามที่รัฐธรรมนูญ ปี 60 กำหนด โดยยึดตามคุณสมบัติ ส.ส. ผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นต้องจบปริญญาตรีเป็นขั้นต่ำ ส่วนผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ไม่ได้จบปริญญาตรีก็สามารถสมัครได้ แต่คนที่ยังไม่เคยเป็นต้องจบปริญญาตรี
2. ผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นทุกรูปแบบต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หรือเคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอหรือจังหวัดหรือ อปท. รูปแบบพิเศษเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 97
นอกจากนี้ในประเด็นที่กฤษฎีกาได้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของสมัครรับเลือกตั้งแล้วส่งมาขอความเห็นจากกระทรวงมหาดไทยก่อนหน้านี้ ได้แก่ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการเพราะทุจริต เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดเพราะร่ำรวยผิดปกติ ฉ้อโกงประชาชน ยาเสพติดฐานเป็นผู้ผลิต ผู้ค้า การพนัน ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน เคยทุจริตการเลือกตั้ง เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
รวมถึงถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เพราะมีส่วนได้เสียในสัญญา ฯลฯ และการกำหนดโทษบุคคลที่สมัครรับเลือกตั้ง โดยรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองเป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (จำคุก 1 – 10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท ให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี) ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้เห็นด้วยกับกฤษฎีกา
สำนักข่าววิหคนิวส์