ข่าวประจำวัน » #”บิ๊กตู่”ยันจำเป็นต้องปรับ ครม.เมินสองพรรคจับมือ

#”บิ๊กตู่”ยันจำเป็นต้องปรับ ครม.เมินสองพรรคจับมือ

28 November 2017
480   0

“บิ๊กตู่”ยันจำเป็นต้องปรับ ครม. เมินสองพรรคจับมือ ลั่นไม่เคยดีลกับพรรคการเมือง ป้อง “บิ๊กฉัตร” ไม่ได้ทำผิดอะไร ส่วน”อุดมเดช” ยังเป็น คสช.

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.สงขลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในครั้งนี้ที่มีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยเข้ามาร่วม ว่า “ผมไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนจากพรรคไหน ผมไม่รู้ เพราะวันนี้ไม่มีพรรค ถ้าพามาแล้วทำไม่ดีก็กลับไปพักผ่อน เป้าหมายของผมคือต้องการทำให้กับประชาชน ที่ผ่านมา ก็ทำงานมาด้วยกันอยู่แล้ว ก็เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ผมไม่ได้มองหรือดีลการเมืองกับใคร เพราะผมไม่ใช่นักการเมือง ผมไม่ดีลกับใครทั้งสิ้น เป็นเรื่องของการแสดงผลงานออกมาให้เห็น ช่วงที่ผ่านมาก็ได้ทำงานร่วมกับคณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลการท่องเที่ยวมาโดยตลอด ก็น่าจะทำงานได้ดี สื่อเองก็ออกมาพูดไม่ใช่หรือว่า อยากเปลี่ยนแปลงบ้าง ทหารไม่ดีบ้าง ก็ลองหมุนดูแล้วกัน ทั้งนี้ผมก็คาดหวังว่าจะดีขึ้น ซึ่งเดิมก็ดีอยู่แล้วไม่ได้มีความเสียหายอะไร ทั้งนี้การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่มีใครถูกใจทั้งหมด ผมเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก และไม่ใช่เป็นเรื่องของ เพื่อน พ้อง น้องพี่ อะไร เป็นคนละเรื่องกัน”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนที่มีการปรับตำแหน่งของพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ออกจากตำแหน่ง รมช.กลาโหมนั้น ที่ผ่านมาพล.อ.อุดมเดช ก็ทำงานร่วมกับตนถึง 3 ปีแล้ว ขณะเดียวกันวันนี้ พล.อ.อุดมเดชก็ยังอยู่ใน คสช. สิ่งสำคัญวันนี้ตนกำลังเน้นไปสู่เรื่องของความปรองดอง ก็มอบหมายให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม มาดูเรื่องของความปรองดอง เป็นหัวหน้าคณะเรื่องความปรองดองในเรื่อง ของการปฏิรูป นอกจากนี้ในเรื่องของภาคใต้ ในส่วนของ คปต.ส่วนหน้า วันนี้ได้หารือกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไปแล้วว่า จะมอบหมายให้พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ซึ่งลงพื้นที่ทำงานในภาคใต้อยู่แล้วรับผิดชอบ

” การวิพากษ์วิจารณ์ว่าเปลี่ยนตัวจากทหาร ก็ใช้ทหารอีกแล้ว ผมถามว่าถ้าไม่เป็นทหารจะลงไปเดินในภาคใต้ได้หรือไม่ แล้วใครจะกล้าไปเดินร่วมกับเขา ที่ผ่านมาพล.อ.สุรเชษฐก็เดินลงไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้วเกือบทุกสัปดาห์ ดูแลเรื่องการศึกษาทำให้หลายอย่างมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดี อาจารย์เข้ามารับหน้าที่ดังกล่าวก็จะได้สานงานต่อจากพล.อ.อุดมเดช ซึ่งทั้งสองท่านก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่แล้ว ซึ่งผมได้พูดกับพล.อ.อุดมเดชไปก่อนหน้าที่จะมีการปรับ ครม. ก็เข้าใจกันดี ท่านบอกยินดีครับและบอกว่าพร้อมที่จะช่วยทำงาน ซึ่งก็ขอบคุณในการทำงานร่วมกันมา ซึ่งผมก็เห็นว่ารัฐมนตรีทุกคน พูดกับผมเช่นนี้ก่อนหน้าที่จะปรับ ครม.ด้วยซ้ำไป ซึ่งมีหลายรายที่พูดกันไปก่อนความจริง ผมไม่ควรจะพูดกับใครด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ยืนยันอีกครั้งว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี อดีตรมว.เกษตรฯ ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ที่ผ่านมาทำงานหลายอย่างในเชิงโครงสร้าง หลายอย่างมีการปรับรูปแบบในการทำงาน หลายอย่างเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร ซึ่งมีโครงการหลักในหลายโครงการ มีการเปลี่ยนแปลง มีรายได้เพิ่มเติม แต่สิ่งที่มีความจำเป็นวันนี้คือเราจะต้องเพิ่มเติมในระยะที่ 2 ตนก็อยากได้คนใหม่มาทำงานบ้างขณะเดียวกันนโยบายเดิมที่ทำไว้ก็ต้องทำต่อไปซึ่งเราทำในเชิงโครงสร้างของกรอบใหญ่ไปแล้ว

” ก็อยากได้คนใหม่ๆหัวใสมาทำต่อ และไม่ว่าจะอย่างไรพล.อ.ฉัตรชัยก็อยู่กับผมอยู่แล้ว ผมก็สามารถที่จะสอบถามติดตามเรื่องต่างๆได้ทั้งหมดไม่ต้องกังวล ยืนยันไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น อย่างที่บอก กับใครก็ไม่ถูกใจสื่อทั้งสิ้น ความมุ่งหมายในการปรับ ครม.ทั้งหมดนั้นคือต้องการคนใหม่เข้ามาเพื่อให้เกิดภาพของการเปลี่ยนแปลง ประชาชนรับรู้และรับทราบว่าการปรับ ครม. ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสิ่งสำคัญอยู่ที่รัฐบาล นายกรัฐมนตรีที่จะขับเคลื่อน ดังนั้นไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ต้องขับเคลื่อนโดยนายกรัฐมนตรี พี่จะต้องรอบรู้มีวิสัยทัศน์สามารถทนและอดทนต่อคำติฉินนินทา ซึ่งผมก็ยังมีอยู่เต็ม 100 เปอร์เซ็น ใครจะว่าอะไรผมก็ต้องท ำเพราะนี่คือบ้านเมือง เป็นประเทศไทยของผมและของทุกคนก็ต้องอดทน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรกับการที่ 2 พรรคใหญ่ อย่างประชาธิปัตย์กับ เพื่อไทยบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะจับมือกันทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ” เป็นเรื่องของเขา ผมไม่สนใจว่าใครจะร่วมกับใครก็เชิญ ผมไม่เกี่ยวข้อง เพราะผมจะทำงานให้ประเทศของผม เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ติงผู้สื่อข่าวหลังให้ตั้งคำถามต่อ แต่กลับไม่มีคำถามใดๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ” ตกลงผมต้องยอมสื่อทั้งหมดหรือไม่ให้สัมภาษณ์ก็ไม่ได้ พอจะให้สัมภาษณ์ต่อก็บอกว่าเดี๋ยวข่าวออกไม่ทัน สรุปหากินกับผมอย่างเดียว แล้วไม่สงสารผมบ้างหรือที่พูดจนเหนื่อย แล้วทีเมื่อคืนวันที่ 27 พ.ย. ก็ออกข่าวกันเสียงแจ๋วๆว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน มีเจตนาอย่างไรผมไม่รู้ ขอให้กลับไปคิดมาใหม่”

สำนักข่าววิหคนิวส์