ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #น.ต.ประสงค์ ชี้เสียของ !! ใครทัก เตือนก็ไม่ยอมฟัง ทั้งที่หวังดี

#น.ต.ประสงค์ ชี้เสียของ !! ใครทัก เตือนก็ไม่ยอมฟัง ทั้งที่หวังดี

17 November 2017
1238   0

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เขียนบทความลงในหนังสือแนวหน้า ระบุว่า “โบราณว่า เป็นใหญ่ ต้องเป็นเยี่ยง ต้องฟังเสียง จิ้งจก ตุ๊กแกบ้าง ที่ร้องท้วง ร้องทัก อยู่ริมทาง มิใช่ร้อง ท้องกาง เพราะกินปูน แต่งโดย “เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์”

เป็นกลอนสอนใจให้รู้จักฟังคนอื่นบ้าง อย่างที่ผู้หลักผู้ใหญ่เคยสอนลูกสอนหลานให้ฟัง แม้กระทั่งจิ้งจกตุ๊กแกที่ส่งเสียงให้ได้ยิน เพราะมันอาจจะบอกอะไรบางอย่าง เปรียบเทียบได้กับการปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็คือ “รัฐบาลคือเรือ ประชาชนคือน้ำ ถ้าน้ำทำให้เรือลอยได้ น้ำนั้นก็คว่ำเรือได้เช่นเดียวกัน” ใครก็ตามที่บริหารบ้านเมืองตามใจชอบ ไม่ฟังเสียงใครจัดการเรื่องต่างๆ ตามใจชอบตามอำนาจพิเศษที่กำหนดขึ้นเพื่อตัวเอง คนดังกล่าวนี้ได้ถูกประชาชนลุกขึ้นสู้และออกมาขับไล่ให้เห็นมานักต่อนักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในต่างประเทศ หรือในบ้านเราที่ผ่านมา ขณะนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องเกิดราว

เพราะนอกจากภาวะความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ที่ยากจน ต้องประสบกับความยากลำบากขึ้นทุกวันจากสภาพทางเศรษฐกิจที่กำลังวิกฤติอยู่ในขณะนี้แล้วยังต้องเผชิญกับปัญหาอื่นๆอีกหลายอย่างในการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งยังหาความสุขความสบายได้น้อยเต็มทน

แม้กระทั่งคนชั้นกลางก็ตาม แม้จะมีชีวิตที่ดำรงอยู่ในแต่ละวันที่เดือดร้อนน้อยกว่าคนในระดับล่าง ก็ใช่ว่าจะมีความสุขความสบายเหมือนเก่า ต่างมีความเดือดร้อนเกิดขึ้นกับตัวเองเช่นเดียวกันในการดำรงชีวิตอยู่ขณะนี้ด้วยเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งแก่ตัวเองและส่วนรวม การแก้ปัญหาต่างๆของผู้มีอำนาจหน้าที่ยังไม่สามารถทำได้เท่าที่ควร โดยเฉพาะในปัญหาการทุจริตคดโกงต่างๆ ซึ่งมีการพัฒนารูปแบบออกไปอย่างแยบยล ไม่ดูให้ดีก็ไม่รู้การป้องกันปราบปรามในเรื่องดังกล่าวยังดำเนินไปไม่ค่อยจะทันการ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เสียงของคนหวังดีต่อบ้านเมืองที่ทนไม่ได้กับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ยิ่งในระยะหลังๆนี้ได้มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้นเข้ามาอีกในระหว่างคนถืออำนาจหรือคนมีหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งตามตำแหน่งที่กำลังทำอยู่ ซึ่งพากันออกมาท้วงติง ตรวจสอบ และแก้ไขเรื่องต่างๆดังกล่าว แต่ก็ดูจะไม่ได้รับการสนองตอบเท่าที่ควร

บางทีรับเรื่องแล้วก็ดองไว้ จบเรื่องเงียบไปซึ่งมีให้เห็นหลายต่อหลายเรื่องในขณะนี้บางครั้งถูกด่าว่ากลับหรือถูกตอบโต้ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ อย่างที่ได้ยินได้ฟังและเห็นกันอยู่ในขณะนี้ จะตอบจะอธิบายด้วยถ้อยคำสุภาพมักไม่ค่อยได้ยิน แต่ชอบเอะอะโวยวายให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เหมือนคนขาดสติหรือคนไม่รู้ว่าการเป็นผู้มีสัมมาวาจานั้นเป็นมงคลแห่งชีวิต ผู้ใดเป็นคนไม่มีสัมมาวาจา ผู้นั้นมีแต่ความเสื่อม มีความอัปมงคลเกิดขึ้นกับชีวิต เพราะลักษณะของพูดที่พูดออกมาอย่างพอเหมาะพอดีนั้น เป็นคุณทั้งแก่ตัวผู้พูดและผู้ฟัง ไม่ทำให้เกิดความเสื่อมใดๆทั้งสิ้น จะอยู่ห่างไกลจากความอัปมงคลดังกล่าวนี้ได้ ต้องรู้จักพูดให้ถูกกับเรื่องต่อไปนี้

1. พูดเรื่องจริง ไม่ใช่คำพูดที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้น ไม่บิดเบือนจากความจริง ถ้าบกพร่องก็ยอมรับว่าบกพร่อง ไม่ใช่เอะอะโวยวายหรือด่าว่าสวนกลับ
2. พูดด้วยคำสุภาพ ไม่เป็นคำหยาบ คำด่า ที่ฟังแล้วระคายหู หรือเพียงแต่นึกก็ละอายใจ
3. พูดแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ เป็นผลดีทั้งแก่คนพูดและคนฟัง ถึงแม้คำพูดนั้นจะจริง และเป็นคำสุภาพ แต่ถ้าพูดแล้วไม่เกิดประโยชน์ กลับเกิดโทษก็ไม่ควรพูด
4. พูดด้วยจิตเมตตา อยากให้คนฟังมีความสุข มีความเจริญยิ่งๆขึ้นไป ไม่ใช่พูดให้เขารำคาญ หรือพูดตอนที่เขาอยากฟังอยากเห็นเรื่องอื่นๆที่เขาสนใจ จนทำให้เขาไม่ชอบหน้าเพราะไปแย่งเวลาที่เขาสนใจจะฟังจะดู
5. พูดถูกกาลเทศะ แม้จะใช้คำพูดที่ดี เป็นคำจริง เป็นคำสุภาพ เป็นคำพูดที่มีประโยชน์ และพูดด้วยจิตเมตตา แต่ถ้าผิดจังหวะ ไม่ถูกกาลเทศะ ผู้ฟังยังไม่พร้อมที่จะฟัง จะก่อให้เกิดผลเสียได้

การพูดถูกเวลา (กาล) คือรู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนยังไม่ควรพูด และควรพูดนานเท่าไร ต้องคาดผลที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย การพูดถูกสถานที่ (เทศะ) คือรู้ว่าอยู่ในสถานที่เช่นไร เหตุการณ์แวดล้อมเช่นไร จึงควรพูด หากพูดออกไปแล้วจะมีผลดีผลเสียอย่างไร ควรพูดผ่านสื่อหรือควรพูดกับใครโดยเฉพาะ

ทั้ง 5 ประการเป็นสิ่งที่ต้องนึกถึงในเรื่องการพูด

และข้อสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนฉลาดนั้นต้องไม่เป็นแค่รู้จักหลักการสำคัญของการพูดที่ดีเท่านั้น ต้องรู้จัก “นิ่ง” ให้เป็นด้วย เพราะต้องรู้ว่าสิ่งที่ไม่ควรพูดนั้นมีมากกว่าที่ควรพูดอีกด้วย
นอกจากนี้ต้องรู้จักให้ดีด้วยว่า การพูดหรือการกล่าวถ้อยคำอะไรออกมานั้น ถ้อยคำที่กล่าวจะไม่ได้รับความเชื่อถือจากผู้คนทั้งหลายก็คือ

1. ยกย่องสรรเสริญบุคคลที่ไม่ควรยกย่องสรรเสริญ
2. ยกย่องชมเชยคนไม่มีศีลมีธรรมในการปฏิบัติตน

ทั้งหลายทั้งปวงที่หยิบยกมาพูดวันนี้ก็เพื่อบอกให้รู้ว่า ขณะนี้ผู้คนในบ้านเมืองกำลังทนไม่ได้กับการแก้ไขปัญหาต่างๆที่ยังไม่ดี แม้กระทั่งการพูดจาที่ไม่ดีไม่สมควรบางครั้งต้องแก้ไข

สำนักข่าววิหคนิวส์