“นายกฯ” ชี้ อายัดทรัพย์ “ยิ่งลักษณ์”ยังแค่ขั้นเตรียมการ รอศาลชี้ขาดก่อน /งัด ม.116 เอาผิด พวกมาชุมนุม หน้าศาล เตือน พวกละเมิดศาล และ เขียนในเวบฯ เพจ ผิด พรบ.คอมฯ ถามคดี”ยิ่งลักษณ์”สำคัญอยู่คดีเดียว รึไง/ ระบุการปรองดอง เขียนชัดทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาทุกรัฐบาล แต่ถ้าสถานการณ์ไม่สงบจน แก้ไขไม่ได้ คนใช้อาวุธห้ำหั่นกันเอง ก็จำเป็นต้องออกควบคุม ย้อนเหตุการณ์ยิง”วัดพระแก้ว”
วาสนา นาน่วม – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพิจารณาคดีสำคัญหลายคดีในช่วงเดือนส.ค.ว่า ทุกคดีมีความสำคัญ มีตั้งหลายคดีทำไมต้องสำคัญแค่คดีเดียว และตนเองยังไม่ได้บอกว่าใครผิดหรือถูกเป็นเรื่องของศาล ขออย่าไปละเมิดศาลก็เท่านั้นเอง
“การเคลื่อน ไหวข้างนอกบางทีมันก็ผิดกฎหมาย การปลุกระดมต้องระวัง ถ้าพูดอะไรที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง ทำให้กระทบต่อความสงบเรียบร้อย กฎหมายมีบัญญัติไว้ตามมาตรา 116 
นอกจากนี้ยังมีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พวกที่เขียนอยู่ในเว็บต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงระวังจะโดนทั้งหมด”
นายกฯกล่าวว่า สิ่งที่อยากประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน คือเรื่องการบังคับ หรือการยึดทรัพย์ต่าง ๆ นั้น ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันตอนนี้ เพราะเป็นเพียงขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ เขาต้องเตรียมข้อมูลต่างๆ เพื่อที่อนาคตหากมีการตัดสินอะไรขึ้นมา ก็จะมีการถามกันว่าไม่ได้เตรียมอะไรกันไว้เลยหรือ เจ้าหน้าที่ก็จะโดนอีก 
วันนี้เขาจึงต้องมีการเตรียมการ มีการตรวจสอบกัน ช่วงที่ผ่านมาบุคคลที่เข้ามาอยู่ในกระบวนการการเมืองก็จะต้องมีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน ต้องมีการตรวจสอบเมื่อออกจากตำแหน่งแล้วตามขั้นตอน เพียงแต่พอมีข่าวหลุดออกมาในสังคมก็กลายเป็นว่าเขาผิด ซึ่งความจริงวันนี้เขายังไม่ผิด จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสิน และเมื่อศาลตัดสินแล้วถึงจะมีการดำเนินการต่างๆ ได้ ไม่ใช่ว่าจะไปตั้งใจยึดทรัพย์ก่อน เป็นเพียงขั้นตอนการทำงานของข้าราชการที่เขาต้องทำงานแบบนี้ 
“ผมบอกให้กรมบังคับคดีดำเนินการชี้แจงต่างๆ แล้ว ว่าไม่ใช่เรื่องของการไปยึดทรัพย์อะไร กระทรวงการคลังที่เขาพูดออกมาเพราะเขาได้ทำข้อมูลไปแล้ว เขาก็ไม่อยากให้พวกสื่อไปซักเขามาก 
ผมก็ได้บอกเขาว่าอะไรที่ยังไม่ใช่เวลาก็ยังไม่ต้องพูด มันจะกลายเป็นว่าเราไปรังแกเขา 
จึงอยากฝากไปถึงพ่อ แม่ พี่ น้องข้างนอกด้วย ให้เข้าในระบบข้าราชการว่าต้องมีการเตรียมการเอาไว้ ทั้งหมด สุดแต่ว่าผลทางคดีจะว่าอย่างไร ถ้าไม่ผิดก็จบ ไปยึดทรัพย์อะไรใครไม่ได้ ก็แค่นั้น 
แต่ถ้าผิดขึ้นมาก็ต้องดำเนินการต่อให้ได้ ต้องเตรียมความพร้อมไว้เท่านั้นเอง 
วันนี้ยังไม่ได้ยืนยันว่าใครผิด ใครถูก เพราะเป็นหน้าที่ของศาล ผมไม่ใช่ศาล”นายก กล่าว
 

“ผมเองก็ยังไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเป็นเรื่องของพวกคุณทั้งนั้นที่ทำกันมา 
ในส่วนของการปรองดองที่เขียนไว้ 10 ข้อ ก็มีเขียนชัดเจนว่าทหารมีหน้าที่ทำอะไร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนทหารก็จ้องอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของรัฐบาล 
ผมก็เคยเป็นข้าราชการในรัฐบาลชุดที่แล้ว ไม่ใช่หรือ เว้นแต่มีเรื่องราวเกิดขึ้นสถานการณ์ไม่สงบ มันก็จำเป็นแค่นั้นเอง ถ้ามันไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ ไม่มีเรื่องคดีความ ไม่ทำให้บ้านเมืองแตกแยก ไม่ทำให้ประชาชนต้องนำอาวุธมายิงมาฆ่ากันจนทำงานไม่ได้ ผมก็ไม่เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว 
การที่จะนำทหารมาปราบปรามก็ต้องไปดูว่ากลุ่มไหนทำอะไร ไม่ใช่มัวแต่คิดว่าวันนี้ทำไมไม่ทำเรื่องนั้น เรื่องนี้ มันคนละอย่างต้องไปดูที่พฤติกรรม ถ้าพฤติกรรมที่ไปยิงใส่สถานที่ราชการ ศาล ทหารจำเป็นต้องทำหรือไม่ แต่ถ้าไปตีกันข้างนอก ห้ามปราบเดี๋ยวก็หยุด อย่ามัวไปเปรียบเทียบว่าวันนี้เขาเดินขบวนกันอย่างนี้
 ยืนยันว่าวันนี้ผมไม่ได้เข้าข้างใคร แต่เราต้องมีหลักการที่มั่นคง ถ้าไม่ทำร้ายประชาชน ไม่ทำให้ประชาชนเสียชีวิต ไม่ทำให้สถานที่ราชการเสียหาย ไม่ยิงใส่วัดพระแก้ว คลังน้ำมัน ถามว่าแล้วใครยิงก็ต้องไปสอบสวนกันมา  ซึ่งความเป็นจริงแล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากทำ เพราะเป็นประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย แต่ต้องไปหาวิธีว่าคนที่ลงมือกระทำต้องทำอย่างไร กฎหมายผิดตรงไหนก็ไปว่ากันมา”นายกฯ กล่าว
ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news
				
					