ข่าวประจำวัน » #นักการเมืองเต็มตัว! บิ๊กตู่อ้างจำเป็น-อ้อนปชช.เป็นกองหนุน

#นักการเมืองเต็มตัว! บิ๊กตู่อ้างจำเป็น-อ้อนปชช.เป็นกองหนุน

3 January 2018
333   0

“บิ๊กตู่”รับใช้กองหนุนเกือบหมดจริงตามคำเตือน”ป๋าเปรม” แต่เอามาช่วยขับเคลื่อนประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องของวิกฤติศรัทธา ตีบทอ้อนอยากได้ประชาชนมาเป็นแนวร่วมเพิ่ม พร้อมประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัวแต่ยังติดนิสัยทหาร อ้างเป็นหน้าที่และความจำเป็นต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้คน รับปากรมช.อังกฤษเลือกตั้งภายในปีนี้แน่นอน

แนวหน้า-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 ม.ค.61 ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ระบุว่านายกฯ ใช้กองหนุนเกือบหมดแล้วต้องหากองหนุนเพิ่ม ว่า โดยส่วนตัวตนเข้าใจ และ ครม.หลายคนที่ไปอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ในวันนั้นก็เข้าใจในความหมายที่ พล.อ.เปรม พูด

ตีความคำพูดป๋าไม่ทำให้เสียหาย

ทั้งนี้ คำว่ากองหนุนหมายความว่า เราได้เอาคนทุกคนมาช่วยขับเคลื่อนประเทศไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชารัฐทั้งข้าราชการ เอกชน ประชาชน ภาคประชาสังคมภาคธุรกิจ ท่านก็บอกว่าใช้ไปหมดแล้ว แต่ทำอย่างไรมันจะมากขึ้น ตนตีความหมายแบบนี้ และคิดว่า พล.อ.เปรม คงไม่ได้มีเจตนาอะไรกับตนที่จะมองในเรื่องไม่ดี ท่านได้ให้กำลังใจรัฐบาลมาโดยตลอด คงไม่พูดอะไรที่ทำให้ตนเสียหาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีความอย่างไร

ยอมรับใช้กองหนุนหมดทุกอันแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฉะนั้นลองคิดดูสิ่งที่ตนพูดมันใช่หรือไม่ แต่ก่อนทุกคนมาร่วมมือกันแบบนี้หรือไม่ คือยังไม่ใช้กองหนุน แต่ตอนนี้ตนเอากองหนุนมาหมดทุกอัน เอามาช่วยกิจการที่เป็นของรัฐ ความร่วมมือเกิดมากขึ้นในกลุ่มประชารัฐ คณะทำงานประชารัฐทุกคนมาช่วยและมาทำตรงนี้ เพื่อแก้ปัญหาการเอื้อประโยชน์ต่อกัน

อ้อนปชช.มาร่วมเป็นกองหนุน

“ผมคิดว่าต้องคิดอย่างสร้างสรรค์กันหน่อย ถ้าหาประเด็นตีกันอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้ คำว่ากองหนุนของผม คือใจผมยังเต็มที่เต็มเปี่ยม กองหนุนมันต้องอยู่ที่ใจตัวเองก่อน ตราบใดที่ผมยังมีความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อประชาชนของผม ของพวกเราทุกคน ผมก็คิดว่าทำได้ทำสำเร็จแต่ถ้าเราบอกว่าท้อแท้หมดกำลังใจหรือโมโหมากเกินไป มันก็ไม่ใช่เรื่อง มันบ่อนทำลายตัวผมเปล่าๆ สุขภาพของผมก็ไม่แข็งแรงอย่างที่สื่อเองก็เป็นห่วงผม กลัวผมป่วยเจ็บตาย ยิ้มให้กันดีกว่า” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กองหนุนส่วนไหนที่ต้องการมากที่สุดในช่วงเวลานี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากได้ทุกพวก คือประชาชน ซึ่งต้องเข้าใจ ถ้าประชาชนไม่เข้าใจก็ลำบาก

ประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัว

พล.อ.ประยุทธ์  ยังกล่าวว่า  วันนี้เป็นวันแห่งความสุข เป็นวันแห่งรอยยิ้ม ตนก็ยิ้มเยอะๆ แต่เก่าตนยิ้มแล้วหุบเร็ว เพราะเป็นคนไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ หน้าเป็นแบบนี้

“วันนี้ผมต้องเปลี่ยนแปลงเพราะผมไม่ใช่ทหาร เข้าใจไหม เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร มันก็ติดนิสัยทหารอยู่บ้างแต่ท้ายที่สุดคือประชาชน และไม่ใช่ประชาชนของผม ประชาชนของประเทศไทย และไม่ใช่ของพรรคไหนทุกคนเป็นพลเมืองไทยก็ต้องหนุนการเมืองที่ถูกต้องมีธรรมาภิบาล มีการเลือกตั้งในระบบยุติธรรม มีพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์มีพรรคการเมือที่ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าและประหยัด ตรวจสอบได้และการตรวจสอบเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่ามาตัดสินกันเองเลยทุกเรื่อง” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า จะเป็นนักการเมืองยาวๆ ไปเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยอยากเป็นสักวัน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้อยากเป็น แต่มันด้วยหน้าที่ความจำเป็น ชีวิตรับผิดชอบ ตนรับผิดชอบด้วยชีวิตของตน

โต้”ปู่พิชัย”ไม่ใช่รัฐบาลทหาร

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย จับมือทวงคืนประชาธิปไตยจากทหาร เพราะไม่เชื่อมั่นว่าปี 2561 จะมีการเลือกตั้ง หลังจากที่นายกฯ เคยระบุว่า หากยังมีความขัดแย้งสูง จะไม่รับประกันว่าจะมีเลือกตั้งหรือไม่ ว่า ทวงจากทหารที่ไหน ตนเคยบอกแล้วว่ารัฐบาลไม่ใช่ทหาร ถึงจะมาจากทหารก็ไม่ใช่ทหาร เพราะออกจากทหารมา 3 ปีแล้ว

ไม่สนปชป.-พท.จับมือถ้าปชช.รับได้

“อย่าไปมองว่าอะไรก็ทหาร ต้องไปดูว่าเป็นการสร้างความเกลียดชังให้กับทหารหรือไม่ แล้วรัฐบาลนี้ก็ไม่ใช่ทหารทั้งหมด มีนักวิชาการด้วย ถ้าเป็นทหารก็ไปสั่งทหารด้วยกัน ผมไปสั่งอย่างนั้นไม่ได้ เรื่องใครจะไปจับมือใครเป็นสิทธิส่วนบุคคล ทุกพรรคการเมืองมีอุดมการณ์ที่ประชาชนยอมรับ มีสมาชิกพรรคที่ครบถ้วนถูกต้องก็จบสังคมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน” นายกฯ ระบุ

เงื่อนไขเลือกตั้งขึ้นอยู่กับ2กม.ลูก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการประกาศความชัดเจนในการเลือกตั้ง ทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมป ซึ่งตนไปพูดกับต่างประเทศแบบนี้ และหลายประเทศที่ตนไปอธิบายเขาก็เข้าใจ เพราะตนบอกว่า อยู่ที่กฎหมายลูก 2 ฉบับ หากประกาศใช้เมื่อไรก็เมื่อนั้น แต่อย่ามาบอกว่าดึงเรื่องคงทำไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขาร่างกฎหมายโดยความคิดเห็นของ กรธ.เอง ตนจะไปยุ่งอะไรกับเขา เพราะที่ผ่านมาเคยบอกแล้วว่า หน้าที่ใครหน้าที่มัน แต่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันว่า บ้านเมืองจะสงบสุขได้อย่างไร ประชาชนก็ต้องเข้าใจตามนี้

ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ใช่เรื่องของคสช.

เมื่อถามว่า ยังจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.61 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ประกาศไปแล้วไง ถ้ากฎหมายลูกเสร็จก็เลือกตั้ง แต่ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ใช่เรื่องของตน หรือเสร็จก็ไม่ใช่เรื่องของตน แล้วไม่ใช่ไปโทษสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดึงเรื่อง มันไม่ใช่ เวลา สนช.อภิปรายกันลองไปดูเขาเถียงกันเรื่องอะไร เขาไม่ได้พูดเข้าข้างตนสักคน บางเรื่องเขาก็ไม่เห็นด้วย

“ถ้าบอกว่าผมมีอำนาจทับซ้อนสนช.จริงแล้วเขาจะกล้าเหรอ แสดงว่าผมก็ปล่อยเสรีเขาไม่ใช่หรือ ผมจะไปสร้างเรื่องทำไม วันนี้งานก็เยอะอยู่แล้ว ปัญหามากมาย” นายกฯ กล่าว

รับปากรมช.อังกฤษเลือกตั้งปีนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาร์ค ฟิลด์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร รับผิดชอบด้านเอเชียและแปซิฟิก เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร ครั้งที่ 3 โดย พล.ท.วีระชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ยืนยันว่าไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการตามโรดแมปของรัฐบาลในการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง สังคมที่ปรองดอง และบ้านเมืองที่มีเสถียรภาพ ซึ่งคาดว่าน่าจะจัดการเลือกตั้งได้ในปีนี้ ภายหลังจากการจัดทำกฎหมายลูกที่จำเป็นสำหรับการเลือกตั้งเสร็จสิ้น

บัวแก้วแจงปมสถานทูตฟินแลนด์

ส่วน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวถึงกรณีที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ได้โพสต์ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊ค Royal Thai Embassy, Helsinki ให้เตรียมการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ในปี 2561 ของรัฐบาลไทยว่า รัฐบาลไม่ได้สั่งการให้สถานทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ออกประกาศให้เตรียมการเลือกตั้งปลายปี 2561 ซึ่งไม่แน่ใจว่าเกิดจากความผิดพลาดของสถานเอกอัครราชทูต หรือ ถูกแฮคข้อมูลหรือไม่ แต่เบื้องต้นได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

“วิโรจน์”มั่นใจพรรคพท.ไม่แตก

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงอนาคตของพรรคเพื่อไทยภายหลังใต้กฎกติกาใหม่ว่าทางพรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างเหนียวแน่นไม่มีเปลี่ยนแปลงรวมถึงนโยบายของพรรค ซึ่งคิดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยจะยึดมั่นในนโยบายและอุดมการณ์เดิมทุกอย่างและยังเชื่อว่าอดีตสส.พรรคจะไม่หนีไปไหน เพราะทุกกคนรู้ว่าประชาชนในพื้นที่รู้สึกอย่างไรต่อพรรคเพื่อไทย

สำนักข่าววิหคนิวส์