ข่าวประจำวัน » อาชญากรรม » #นตท.บุตรเจ้าของโพสต์ “ให้ลูกผมตายแทน” เปิดหมดเปลือกทั้งปม “น้องเมย” โกหกเลยต้องซ่อม “อย่าเชื่อผู้พัน” และ “ใครเป็นคนทำ” ?

#นตท.บุตรเจ้าของโพสต์ “ให้ลูกผมตายแทน” เปิดหมดเปลือกทั้งปม “น้องเมย” โกหกเลยต้องซ่อม “อย่าเชื่อผู้พัน” และ “ใครเป็นคนทำ” ?

27 November 2017
1096   0

นักเรียนเตรียมทหาร บุตรชายเจ้าของโพสต์ดัง “ให้ลูกผมตายแทนไหม” ฝ่าฝืนคำสั่งโรงเรียนยอมโดนลงโทษ เปิดเผยกับสื่อหวังสังคมรับข้อมูลอีกด้าน ยันเพื่อนไม่ได้ทำ “น้องเมย” ตาย แต่เผอิญสั่งลงโทษแล้วเป็นจังหวะที่หัวใจล้มเหลวพอดี แจงธำรงวินัยครั้งแรกหัวปักพื้นห้องน้ำ เพราะน้องใช้บันไดต้องห้าม แล้วโกหกว่ารุ่นพี่อีกคนสั่ง ซึ่งโกหกเป็นเรื่องที่หนักมาก ยอมรับไม่ได้ ส่วนครั้งที่สองที่ส่งผลให้เสียชีวิต ไม่แน่ใจในความผิดแต่แค่สั่งให้วิ่ง 2 รอบ แก้ข่าว “อย่าไว้ใจผู้พัน” เกิดจากน้องอยากลาออก แต่ผู้พันกล่อมไม่ให้ออก ตอนโทร.ไปบอกพ่อ – แม่ อาจเกิดการสื่อสารผิดพลาด ลั่น “เพื่อนผม 2 คน” ที่สั่งซ่อม อยากออกมายอมรับผิด แต่กระแสสังคมแรงมาก ขอรอให้เบากว่านี้ก่อน

mgr online – วันนี้ (26 พ.ย.) นายศรุต เหรียญประเสริฐ หรือ กัน นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นพี่น้องเมย และเป็นบุตรชายของ นายธนวัตร เหรียญประเสริฐ ที่โด่งดังจากการโพสต์เฟซบุ๊ก “ให้ลูกผมตายแทนไหม” ได้ติดต่อให้สัมภาษณ์กับทางเพจ “อีจัน” ถึงกรณีการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย โดยกล่าวว่า การที่ตนทวีตข้อความว่ามีส่วนทำให้น้องเสีย ทำให้โดนสังคมต่อว่าว่าตนเป็นคนทำน้องเสีย เรื่องนี้โรงเรียนห้ามให้ข่าวที่ไหน แต่ตนคิดว่ามันไม่จบง่ายๆ เพราะเป็นกระแสสังคมที่แรงมาก ตอนนี้คนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เข้าใจพวกตน คนกลางๆ กับคนที่มีอคติกับทหาร แล้วคนที่กลางๆ ก็เอนเอียงไปทางฝั่งคนมีอคติกับทหาร ก็เพราะเขารับข้อมูลฝ่ายเดียว

ที่ตนทวีตว่ามีส่วนผิดที่ดูแลน้องไม่ดี ที่ต้องทวีตเพราะมองว่าเรื่องไม่จบแน่ คนอื่นคิดว่าพวกตนทำโทษน้องจนเสีย แต่อยากจะบอกว่า “พวกผมทำโทษน้อง แล้วเผอิญว่าน้องเป็นโรคหัวใจพอดี มันบังเอิญกันครับ อยากให้เข้าใจตรงนี้” ซ่อมน้องปกติไม่ได้หนักอะไรเกินไป เพื่อนตนเขาก็เข้าใจว่าน้องเมยป่วยอยู่ เขาก็ไม่ทำโทษหนัก มันเป็นจังหวะพอดีที่เพื่อนของตนทำโทษน้อง แล้วน้องก็เป็นพอดี

นายศรุต กล่าวอีกว่า 3 เดือนก่อนที่น้องเมยโดนซ่อมครั้งแรก ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คนที่ทำโทษคือเพื่อนในห้องเรียนตน ก็ถามเพื่อนว่าเป็นอย่างไรวะบอส มันก็เล่าให้ฟัง เพราะว่าอยู่ในห้องเรียนเดียวกัน ทำโทษด้วยวิธีใช้หัวปักกับพื้นห้องน้ำ คือ น้องเมยไปใช้ทางบันไดที่เขาไม่ให้ใช้ เพื่อนตนไปเจอ ก็เลยถามน้อง น้องบอกว่ารุ่นพี่คนนู้น คนนี้บอกให้ใช้ เพื่อนตนไปถามคนที่ให้ใช้ เขาบอกว่าไม่ได้บอก เหมือนน้องเมยโกหก ต้องเท้าความคือระบบของเตรียมทหาร การโกหกถือว่าโทษหนักมาก ผิดระบบกิตติศักดิ์ของโรงเรียน คือถ้าน้องตอบว่าแอบใช้เองโทษยังไม่หนัก แต่คือน้องโกหก โทษมันเลยอัปไปหนัก

นายศรุต กล่าวต่ออีกว่า หลังจากน้องสลบครั้งแรกเพื่อนตนก็โดนปลด รับโทษเรียบร้อย ก็ไม่ได้ค้างคาอะไรกัน เพื่อนตนก็ยอมรับ อยากให้เข้าใจตรงนี้เพราะน้องโกหก ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เป็นเรื่องหนักมาก วิธีการทำโทษก็เป็นวิธีที่ส่งต่อกันมา คือ มันทำกันได้ ที่บอกว่าหัวปักตะแกรงพื้นห้องน้ำ จริงๆ แล้วห้องน้ำไม่มีตะแกรง ส่วนเรื่องสลับขา แต่เดิมมันก็มี มันทำได้ คือตนไม่อยากให้อะไรกับตรงนี้ คือ มันเป็นท่าที่ทำได้ หลายๆ คนก็เคยทำ ตนก็เคยโดน คนสั่งก็เคยโดน คนสั่งก็เลยรู้ว่าขนาดไหนถึงจะพอ ดูอาการเด็กเป็นหลัก เป็นเรื่องธรรมดา กฎโรงเรียนคือห้ามแตะต้องตัวน้อง คนสั่งก็ไม่ได้ละเมิดตรงนั้น

เมื่อถามว่าในเมื่อไม่ได้ทำละเมิดทำไมคอมแมนถึงโดนปลด นายศรุต ตอบว่า เพราะน้องมีการสลบ มันดูเหมือนว่าทำเกินไป

นายศรุต กล่าวถึงการธำรงวินัยครั้งที่สอง ว่า ตั้งแต่เกิดครั้งแรกก็เข้าใจว่าน้องไม่ค่อยแข็งแรง เพื่อนตนก็เข้าใจ ทุกคนก็ย้อนมาว่าก่อนเข้าเตรียมหทารน้องแข็งแรงดี แต่คืออยากบอกว่าข้างในมีเรื่องกดดัน มีเรื่องเหนื่อย มันทำให้สภาพจิตใจคนเราไม่สู้ก็ได้ และส่งผลต่อร่างกาย ครั้งที่สองเพื่อนตนก็เข้าใจว่าน้องป่วย แต่ตนไม่แน่ใจว่าน้องทำผิดเรื่องอะไร แต่คือน้องโดนสั่งโทษวันนี้ โทษนี้ เกณฑ์นี้ คือ คนปกติเขาทำกันได้ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ถึงคนป่วยมันก็ยังฝืนทำได้ เวลาซ่อมหมู่ สมมติวิ่ง เพื่อนวิ่ง น้องก็จะดันพื้นรอ เพราะคอมแมนเข้าใจว่าน้องป่วย แต่อันนี้น้องไม่ทำอะไร ต้องโดนซ่อมเดี่ยว มันก็ต้องมีบ้าง

เมื่อถามว่าเข้าไปวันเดียวก็โดนซ่อมแล้วหรือ นายศรุต ตอบว่า แป๊บเดียวก็โดนได้ถ้าเราไปผิดอะไร ลงโทษทันทีแล้วแต่ว่าเป็นจังหวะไหน วันแรกน้องเข้าไปอยู่ข้างล่างก่อน แล้วก็โดนเพื่อนตนทำโทษ หลังจากนั้นก็เอาขึ้นกองพยาบาลไป ไม่มีใครไปยุ่งเลย ลงโทษครั้งที่สองนี้เป็นการวิ่งสองรอบ ถ้าคนปกติวิ่งก็เหนื่อย แต่มันก็ไม่เป็นอะไรมาก ส่วนความผิดอะไรไม่อยากตอบ เพราะไม่แน่ใจ

เรื่องที่ว่าน้องอยากลาออก ฟังมาหลายคนไม่แน่ใจ แต่เหมือนมีเพื่อนน้องพูดมาว่า น้องพูดมาสักพักแล้วว่าอยากออก เพราะร่างกายไม่ไหว

นายศรุต ยังกล่าวถึงประโยคเจ้าปัญหาที่ว่า “อย่าไว้ใจผู้พัน” ว่า เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด คือ เพื่อนน้องเล่ามาว่า น้องเขาโทร.ไปคุยกับผู้พันว่าอยากลาออก แต่ผู้พันกล่อมว่าอย่าลาออก น้องก็โทร.ไปหาคุณพ่อคุณแม่ แล้วพูดว่าอย่าไปไว้ใจผู้พัน ผู้พันบอกผมพอไหว อะไรแบบนี้

นายศรุต กล่าวด้วยว่า หลังจากรู้ว่าน้องเสียชีวิต ทุกคนก็รู้สึกช็อกมาก ตนก็ช็อกแบบขนาดนั้นเลยหรือ เสียน้องทั้งคน มันมีสายสัมพันธ์บางอย่างคนนอกก็ไม่เข้าใจที่ตนพูด เพื่อนที่สั่งซ่อมก็ช็อกมาก เสียใจกันทุกคน ก็บอกเพื่อนว่าทุกคนก็เข้าใจ มึงไม่ผิดนะ มึงแค่มีส่วนเฉยๆ ใจเย็นๆ อะไรแบบนี้ หลังจากนั้นโรงเรียนก็มีการสอบสวนทันที เพื่อนโดนสอบ แต่ตนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย

“พวกเราไม่ได้ปิดบังอะไร เราพร้อมจะรับอยู่แล้วว่าผิดเรื่องอะไร แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ คือ ตอนนี้กระแสสังคมแรงมาก คือกันก็เหมือนออกมา ถ้าคนสงสัยเหมือนพี่ก็ถามกลับว่าว่าเพราะอะไรยังไง แต่บางคนเขารีบด่วนสรุป ขนาดผมไม่ได้เป็นคนทำ คนก็รุมด่าแล้ว ทำให้เพื่อนผมยังไม่อยากมายอมรับตอนนี้ กระแสสังคมมันแรงเกิน เพื่อนผมก็อยากยอมรับ บางคนก็สงสัยว่าเป็นทหารทำไมไม่แมนๆ ยอมรับ เพื่อนผมพร้อมยอมรับอยู่แล้ว แต่คือต้องรอกระแสสังคมมันลดลงกว่านี้หน่อย มันแรงเกิน” นายศรุต กล่าว

นายศรุต กล่าวด้วยว่า ฝั่งตนบอกให้เงียบเรื่องนี้ไว้ ห้ามไปเผยแพร่ทางโซเชียลฯ ปล่อยไปเดี๋ยวนายทหารชั้นสูงๆ เขาจัดการเอง แต่ที่ตนออกมาพูดนี้ เดี๋ยวกลับไปโรงเรียนก็ต้องไปรับโทษ ถือว่าฝ่าฝืนคำสั่ง ก็ทำใจยอมรับแล้ว แต่ที่รับไม่ได้ คือคนรับข่าวฝ่ายเดียว แล้วมันมีการผิดเพี้ยนเยอะมาก ที่ออกมาคืออยากจะบอกว่าพวกตนไม่ได้นิ่งเฉย

“คิดว่าต้องทำ เรื่องนี้ต้องยอมเสียส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนมาก รักษาเพื่อนผมอีก 2 คน ที่มันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหมือนเราแบ่งเบาภาระเพื่อนได้บ้าง” นายศรุต ระบุ

ส่วนกรณีที่บิดาของตนโพสต์ใช้คำแรง “ให้ลูกผมตายแทนไหม” นายศรุต กล่าวว่า ขอโทษแทนพ่อด้วย เขารักโรงเรียนมาก คำพูดเขาแรง ตนยังตกใจทำไมพ่อพูดแบบนั้น ก็บอกกับพ่อว่าพ่อรักโรงเรียนมากคนที่โรงเรียนเข้าใจ แต่คนข้างนอกฟังไม่เข้าใจ

เมื่อให้พูดฝากถึงพ่อแม่น้องเมย นายศรุต กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าพ่อแม่เสียใจมากแค่ไหน เพราะตนยังไม่มีลูก แต่ตอบในฐานะพี่ พวกตนเสียใจมาก ๆ น้องก็อยู่ชมรมตน เคยคุยกัน ก็รู้สึกว่านี่น้องเรานะ อยากขอโทษแทนเพื่อน ๆ ที่บางครั้งตอบโต้ทางสื่อออนไลน์ไปเหมือนไม่ให้เกียรติน้องเมย เพราะโรงเรียนใครใครก็รัก อันนั้นขอโทษแทนเพื่อน เสียใจมาก ไม่มีใครอยากฆ่าน้อง แต่โรงเรียนโดนโจมตีจากใครหลายคน เพื่อนตนกลับบ้าน แท็กซี่ 10 คันไม่ยอมรับ สังคมตอนนี้ขนาดนี้แล้ว เหมือนกับไม่ไหวแล้ว อยากปกป้องโรงเรียน

อย่างไรก็ตาม หลังจากเผยแพร่คลิปเสียงสัมภาษณ์ดังกล่าวได้ไม่นาน พบว่าเฟซบุ๊กเพจ อีจัน ได้ลบคลิปดังกล่าวออกไปแล้ว

สำนักข่าววิหคนิวส์