ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ธรรมชาติอันน่าพิศวง! 20 ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ที่ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง

#ธรรมชาติอันน่าพิศวง! 20 ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ที่ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง

14 November 2017
1088   0

         นับว่าปรากฎการณ์ธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์และสวยงามจนไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริงบนโลก และบางครั้งธรรมชาติก็ช่างแสนแปลก เพราะมีปรากฏการณ์แปลกๆ อีกมากมายที่พยามสื่อสารให้เราเห็นว่าธรรมชาตินั้นก็มีความสวยงามแต่ก็แฝงความน่ากลัวเอาไว้ด้วย และวันนี้ทีมข่าววิหคนิวส์ จะพาไปทำความรู้จักกับ 20 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าพิศวงเหล่านี้กันคะ

1 .ทะเลโฟม

       ถูกพบบริเวณชายฝั่งเมืองยัมบา รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย โดยเกิดจากสิ่งสกปรกในทะเลหลายชนิด เช่น เกลือ สารเคมีที่เกิดจากซากพืชและสัตว์ ถูกคลื่นตีจนเป็นฟองโฟม


2.ลาวาสีน้ำเงิน

       จากภูเขาไฟ Kawah-Ijen ที่ประเทศอินโดนีเซีย เกิดจากกำมะถันที่หลอมละลายจากความร้อนจนปลดปล่อยเปลวเพลิงสีน้ำเงินออกมา


3. พายุทอร์นาโดเพลิง

       ปรากฏการณ์หาชมได้ยากมาก ที่เกิดจากสภาวะอุณหภูมิ และปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ที่เหมาะสมจริงๆ เท่านั้น


4. ดอกไม้ผลึกน้ำแข็ง

       เป็นรูปแบบของแผ่นน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นเมื่อไอน้ำอิ่มตัว และแทรกขึ้นมาตามรอยแตกของแผ่นน้ำแข็ง จนเกิดเป็นผลึกน้ำแข็งที่มีรูปทรงคล้ายดอกไม้


5. วงธัญพืช หรือ Crop Circle

       สัญลักษณ์ปริศนาขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ปรากฏอยู่บนทุ่งข้าวโพดหรือทุ่งข้าวสาลี โดยไม่ทราบสาเหตุ ปัจจุบันมีการพบวงธัญพืชมากกว่า 10,000 แห่ง ซึ่งกว่า 80% พิสูจน์ได้ว่าเกิดจากมนุษย์ทำทั้งสิ้น


6. ทะเลดวงดาว

       ที่เกาะ Vaadhoo หนึ่งในหมู่เกาะมัลดีฟส์ ที่สามารถเห็นเหมือนเป็นดวงดาวเรืองแสงในน้ำเวลากลางคืน เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่ถูกสร้างโดยแพลงตอนชนิดหนึ่ง


7. หินเดินได้

       ที่อุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ แคลิฟอเนียร์ เป็นปรากฏการณ์ปริศนาที่พบร่องรอยของหินเคลื่อนที่ได้เอง เกิดขึ้นทุกๆ 2-4 ปี มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายสาเหตุของการเดินได้ของหินเหล่านี้ แต่ทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการเกิดแผ่นน้ำแข็งใต้ก้อนหิน ที่มาจากฝนตกจนน้ำท่วมขัง ทำให้หินเหล่านี้สไลด์ไปเองได้


8. วงแหวนน้ำแข็ง

       ปรากฏการณ์หากยาก ที่น้ำแข็งเกิดเป็นรอยวงกลม สาเหตุเกิดจากการแข็งตัวของน้ำกลายเป็นน้ำแข็งจากจุดศูนย์กลางไปเรื่อยๆ จนถึงขอบวงกลม โดยขนาดใหญ่ที่เคยพบมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 150 เมตร 


9. ทะเลคาปูชิโน่

       ถูกพบที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อทะเลโดนหิมะถล่มจนน้ำผสมกับหิมะ และกลายเป็นคลื่นที่คล้ายกับฟองสบู่ หรือดูดีๆ ก็เหมือนกับฟองนมคาปูชิโน่ที่อยู่บนกาแฟนั่นเอง


10. ทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว

       เป็นรูปแบบแปลกๆ ของหิมะที่เกิดในแถบพื้นที่สูง โดยมีลักษณะเหมือนใบมีดบางตั้งสูงเรียงกันเป็นทุ่ง เป็นผลมาจากการส่องสว่างของแสงอาทิตย์ตอนหิมะละลาย ส่วนชื่อนี้ถูกตั้งให้เหมือนกับลักษณะหมวกของนักบวช ที่มีทรงแหลมสูง


11. ดินแดนแห่งสายฟ้านิรันดร์

        ที่ปากแม่น้ำคาตาทัมโบ เวเนซูเอล่า เป็นพื้นที่ๆ มีฟ้าผ่าปีละ 140 – 160 วัน และวันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งในแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ากว่า 280 ครั้ง นี่คือสถานที่ๆ มีฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก


12. รุ้งหมอก หรือรุ้งไร้สี

       ที่แอนตาร์กติก มีลักษณะเป็นน้ำแข็งรูปคล้ายนิ้วหมุนวนลงมาจากธารน้ำแข็งจนถึงก้นทะเล มันมีความเย็นที่สูงมากๆ ขนาดที่สามารถฆ่าสิ่งชีวิตทุกตัวที่มันผ่านไปได้หมด


13. นิ้วน้ำแข็งแห่งความตาย

       ที่แอนตาร์กติก มีลักษณะเป็นน้ำแข็งรูปคล้ายนิ้วหมุนวนลงมาจากธารน้ำแข็งจนถึงก้นทะเล มันมีความเย็นที่สูงมากๆ ขนาดที่สามารถฆ่าสิ่งชีวิตทุกตัวที่มันผ่านไปได้หมด


14. เมฆม้วน

        เมฆสวยๆ เหล่านี้เกิดจากมวลกระแสอากาศเย็นที่พุ่งลงพื้น โดยกระแสอากาศนี้กระจายออกจากทางด้านหน้าของพายุที่กำลังรุกเข้ามา หรือบางทีก็กระจายออกจากทางด้านหลังของพายุที่กำลังสลายตัว


15. พายุสายฟ้าภูเขาไฟ

        ปรากฏการณ์สุดหายากที่พายุสายฟ้าเกิดขึ้นในระหว่างที่ภูเขาไฟระเบิดพอดิบพอดี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นพร้อมกันได้อย่างไร 


16. แสงเหนือ

        เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มีแสงเรืองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน โดยมักจะขึ้นในบริเวณแถบขั้วโลก โดยบางครั้งจะเรียกว่า แสงเหนือ หรือ แสงใต้ ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิด


17. รุ้งไฟ

        เกิดจากการที่แสงอาทิตย์หักเหออกจากผลึกน้ำแข็งในเมฆเซอรัสที่อยู่ในระดับสูงในแนวราบ ขณะเดียวกันดวงอาทิตย์ก็ต้องอยู่ในมุมที่สูงพอด้วยจึงจะทำให้เกิดไฟสายรุ้งขึ้นมาได้


18. แสงแห่งมาร์ฟา (Marfa Light)

        หรือจุดแสงกระพริบประหลาดบนท้องฟ้าที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายไม่ได้ ถูกพบหลายที่บนโลก มีหลากหลายสี รูปร่างหลายทรง มีการเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งหรือเคลื่อนที่ในแนวราบ บางที่มีให้เห็นนานเกือบ 12 นาที ในบางทีอาจได้ยินเสียงฟู่ หากพบในระยะใกล้ และบ่อยครั้งที่พบตามแหล่งน้ำ ในบ้านเราก็มีพบแสงนี้ที่บริเวณ เขากะลาอีกด้วย แต่อีกหลายคนเชื่อว่า เป็น UFO มากกว่า


19.Grüner See หรือ ทะเลสาบสีเขียว

        ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขา Hochschwab ในประเทศออสเตรีย ซึ่งดูแล้วก็เหมือนทะเลสาบธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ทะเลสาบแห่งนี้มีความลึกเพียง 6 ฟุตในฤดูหนาว จึงมีการสร้างสวนสาธารณะขึ้นมาโดยรอบเพื่อเป็นที่พักผ่อน แต่เมื่อฤดูร้อนมาเยือน น้ำแข็งจากพื้นที่โดยรอบจะละลาย และไหลลงสู่ทะเลสาบจนมีความลึกถึง 40 ฟุต ทำให้พื้นที่สวนทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ


20.ทะเลสาบ Hillier

        ในประเทศออสเตรเลีย แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้เป็นทะเลสาบแห่งเดียวในโลกที่เป็นสีชมพู แต่มันเป็นเพียงทะเลสาบเดียวที่สีสันไม่เปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิ ซึ่งเชื่อกันว่าสีชมพูนี้เกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง


        นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกและน่าอัศจรรย์มาก และหากมองในมุมหนึ่งก็สวยงาม แต่บอกเลยครับว่าที่สวยงามนั้นแฝงด้วยอันตรายมากๆ ด้วยนะครับ

Cr. thaihitz.com

CTE.

สำนักข่าววิหคนิวส์