ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ทิชาล่าชื่อไล่ป้อมเซ่นน้องเมย แม่สังเวชใจผลสอบคลุมเครือ

#ทิชาล่าชื่อไล่ป้อมเซ่นน้องเมย แม่สังเวชใจผลสอบคลุมเครือ

17 December 2017
672   0

“น้องเมย” เสียชีวิตลาม! ล่าชื่อไล่ “บิ๊กป้อม” ด้าน “กสม.” ระบุสังคมไม่เชื่อถือ 11 ทหารสอบ ไร้หน่วยงานอื่นร่วม ขณะที่ “มารดาผู้เสียชีวิต” คาใจข้อมูลแถลง ลั่นน่าอับอาย-สังเวช ซัดใส่ร้าย-จัดฉาก ภาพวงจรปิดขาดหาย แดกกลับ “ภาวะหอบทางอารมณ์ระบาด” แนะเตรียมทหารหาวัคซีนป้อง

ไทยโพสต์ – เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากภาคประชาชน องค์กรสิทธิมนุษยชน หลังคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ “น้องเมย” แถลงผลการสอบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน โดยนางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเยาวชน และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้เผยแพร่ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบ นอกจากนั้นนางทิชายังได้สร้างแคมเปญในเว็บไซต์ change.org รณรงค์ให้คนร่วมลงชื่อให้ พล.อ.ประวิตรลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อการให้สัมภาษณ์กรณีการเสียชีวิตของ ‘น้องเมย’ โดยล่าสุดมีผู้ร่วมลงชื่อประมาณ 5,000 ราย

นอกจากนี้ นางทิชายังแสดงความเห็นในเชิงตั้งคำถามด้วยว่า ระหว่างการออกมาแถลงผลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของน้องเมย และการไม่แถลง แบบใดเป็นการทำลายองค์กรมากกว่ากัน และระบุว่า จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าทหารไม่มียุทธวิธีเชิงสังคม ซึ่งไม่ใช่สนามรบ

เช่นเดียวกับ นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ระบุว่า เท่าที่ทราบคนที่เป็นโรคไฮเปอร์เวนติเลชั่น ยังไม่มีการพบว่ามีการเสียชีวิต โดยส่วนใหญ่จะมีอาการหอบที่เกิดจากภาวะเครียด ซึ่งเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ ดังนั้นผู้ป่วยจะรู้ทันทีว่าตัวเองเป็นโรคนี้ เนื่องจากว่าเกิดได้บ่อย อย่างไรก็ตาม กรรมการที่ตั้งขึ้นนั้นขาดการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานอื่นที่ประชาชนเชื่อถืออยู่ เช่นแพทย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายทหารหรือภาคประชาสังคม ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือกับผลที่สรุปออกมาเชื่อถือได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้เองเมื่อนักเรียนมีปัญหาอาการเครียดทางจิตใจที่ส่งผลต่อร่างกาย ทางโรงเรียนเตรียมทหารควรที่จะแจ้งให้ผู้ปกครองของนักเรียนรับทราบตั้งแต่แรก จริงๆ แล้วในเมื่อรู้ว่านักเรียนเกิดอาการดังกล่าวก็ไม่ควรให้เขามาเป็นทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหลายฝ่ายได้เข้ามายื่นหนังสือร้องต่อ กสม.ในเรื่องดังกล่าว แต่ทางครอบครัวของผู้เสียหายยังไม่ได้มีการร้องมาที่ กสม.

ทางด้านนางสุกัญญา ตัญกาญจน์ มารดา นตท.ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาเกี่ยวกับความแคลงใจในการชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรชาย พร้อมตั้งคำถามว่า ที่ผ่านมามีตัวอย่างที่ทำให้เรียนรู้ว่าการเสียชีวิตในลักษณะนี้เป็นเรื่องธรรมดาใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังตั้งคำถามว่าคลิปจากภาพวงจรปิดหายไปไหน 4 ชั่วโมง สำหรับการที่ระบุว่าน้องเมยตกบันไดนั้น ก็ไม่มีภาพยืนยัน

โดยเนื้อหาระบุว่า “เพราะเคยมีตัวอย่างมาทำให้ได้เรียนรู้ว่าตายเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ผิด ใช่หรือไม่?

ดูแถลงข่าวเมื่อวานแล้ว น่าอับอายมากจริงๆ (น่าสังเวช และยิ่งเวทนาแท้ นั่งดูแถลงข่าวไปนั่งขำอยู่ในใจ) ว่าเมย ไม่ขอบคุณ แถมยังไม่พอใจพี่ นร.บังคับบัญชา (ตลก) …ให้ร้ายคนตายนี่นะ”

“กล้องวงจรปิด ชุดพรางเดินถือตะกร้า เฮ้อ นร.ควรเรียน เวลานั้นไม่ใช่เดินถือตะกร้าแล้ว (ไม่เนียน วันอังคารอยู่กองแพทย์ มาเดินอะไรที่กองพัน)? ช่างมันเถอะ และบอกว่าวันที่ 17 ไม่มีใครทำร้ายเมย เพราะอยู่กองแพทย์… “ใช่” แต่ถามว่าเมยโดนอะไรหนักขนาดก่อนวันที่ 17 ธ.ค. หามกันขึ้นมา และวิดีโอ 4 ชม.ตอนนั้นหายไปไหน? มีภาพช่วงบ่าย? บันไดที่ตก เห็นแค่มีการประคอง แล้วที่ตกลงมาอยู่ไหน ..เอาเป็นว่าประจวบเหมาะกันตลอด หาหลักฐานไม่ได้”

“อีกเรื่องคือ ภาวะหอบทางอารมณ์ เพิ่งจะได้รู้จักโรคนี้ และเพิ่งทราบด้วยว่าเป็นโรคระบาด ใครเรียนที่นี่เป็นกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ (หาวัคซีนเตรียมป้องกันด้วยนะ น่าเป็นห่วง)”

ขณะที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีมารดาน้องเมยยังติดใจต่อผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตว่า กรณีการตายของน้องเมยเป็นการตายผิดธรรมชาติ จึงต้องมีการส่งผลไปพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่มีการเชิญทั้งญาติ ฝ่ายปกครอง แพทย์ และตำรวจไปด้วย ก่อนที่ตำรวจจะสรุปสำนวนส่งศาลเป็นผู้ชี้ขาด ว่าการตายนี้ด้วยสาเหตุอะไร จึงขอให้ทั้งหมดจบด้วยกระบวนการยุติธรรม

“ทางเราไม่อยากให้มีการสูญเสียอยู่แล้ว เราให้ความสำคัญกับชีวิตข้าราชการและนักเรียนทหารทุกระดับเหมือนกันหมด วันนี้ถือเป็นเรื่องความรู้สึกของสังคมมากกว่า ส่วนเรื่องระบบธำรงวินัย ยืนยันว่าเป็นในแนวเดียวกับโรงเรียนทหารทั่วโลก แต่อยู่ที่ว่าเราจะปรับอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง” พล.ท.คงชีพกล่าว.

สำนักข่าววิหคนิวส์