สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวบรรยากาศที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกคดีดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1860/2566ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม112 ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ จำเลย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีต่างประเทศประเทศเกาหลีใต้พาดพิง ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว โดยในวันนี้นายทักษิณ เดินทางเข้ามาฟังการพิจารณาสืบพยานด้วยตนเอง ซึ่งการพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นการพิจารณาลับ ห้ามมิให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนเข้าห้องพิจารณา
โดยในช่วงเวลา 09.18 น. นายทักษิณ ได้เดินทางมาถึงศาลด้วยรถยนต์เบนซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ธษ 267 กรุงเทพมหานคร โดยนายทักษิณ ไม่ได้ขึ้นบันไดศาลด้านหน้า แต่ได้ขึ้นลิฟท์ ด้านข้างศาลแทน เพื่อหลบหลีกบรรดาสื่อมวลชน และช่างภาพที่รอรายงานข่าวจำนวนมาก
อนึ่งก่อนหน้าการมาถึงของนายทักษิณ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ของ นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อว่า นัดครั้งนี้เป็นการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ของอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 ที่เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณในข้อหาความผิดมาตรา 112 โดนวันนี้ทางโจทก์จะนำพยานประมาณ 3 ปากที่เบิกไว้ จากทั้งหมด 10 ปาก โดยใช้เวลาสืบพยาน 3 วัน และตนในฐานะทนายฝ่ายจำเลยก็จะมีหน้าที่ถามค้าน
เมื่อถามว่า นายทักษิณ จำเป็นต้องมาฟังการสืบพยานทุกนัดหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายทักษิณที่จำเป็นมาเนื่องจากคดีนี้จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องเข้ามาปรากฎตัวต่อศาล ก็ต้องดูอีกว่าทางศาลอาญาจะมีข้อกำหนดในการพิจารณาคดีหรือไม่
ส่วนฝ่ายจำเลยจะมีการยื่นคำร้องขอพิจารณาลับหลังหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญานั้น อัตราโทศจะต้องไม่เกิน 10 ปี แต่คดีนี้อัตราโทษสูงกว่า 10 ปี อาจจะไม่เข้าข้อยกเว้น แต่หากมีเหตุจำเป็นถ้าจำเลยมีทนายความอยู่แล้วก็อาจจะขอพิจารณาลับหลังได้ แต่ในเบื้องต้นนายทักษิณ ประสงค์ที่จะเข้าฟังการพิจารณาด้วยตนเอง
และกระบวนการทั้งหมดของคดีนี้มีทั้งหมด 7 นัด เป็นพยานฝ่ายจำเลย 14 ปาก สืบพยานจำเลยวันแรก 15 ก.ค. 4 นัด และพยานโจทก์ 10 ปาก 3 นัด วันที่ 1-3 ก.ค. การสืบพยานจะครบทั้งหมด 7 นัดหรือเสร็จสิ้นกระบวนการก่อน 7 นัดก็ได้อยู่ที่กระบวนการ โดยจะนัดสืบพยานครั้งสุดท้ายในวันที่ 23 ก.ค.
ส่วนจำเลยยังติดใจส่วนของคลิปวิดีโอที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีหรือไม่
นายวิญญัติ กล่าวว่า ในส่วนนี้ฝ่ายจำเลยติดใจแน่นอน และในวันนี้ก็จะมีการพิสูจน์ในประเด็นนี้ด้วย และจะทำให้เห็นว่าคลิปดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ มีการเก็บหลักฐานมาอย่างไร
ต่อมาหลังการให้สัมภาษณ์ของนายวิญญัติ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขยของนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาล พร้อมกล่าวสั้นๆว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อถามถึงกรณีที่ ทนายของนายทักษิณ จะเสนอชื่อตนเป็น พยานจำเลยด้วยหรือไม่นั้น นายสมชายกล่าวว่า ทนายความนายทักษิณ ไม่ได้เสนอชื่อเป็นพยานจำเลยในคดีนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทนายความที่จะเสนอชื่อพยานจำเลยต่อไป
ต่อมาในช่วงเวลา 12.00 น. รถยนต์ส่วนตัว นายทักษิณ ได้ขับวนไปรับ นายทักษิณบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นขับวนออกประตู 7 ซึ่งเป็นประตูทางออกของศาลเเพ่ง
โดยมีรายงานว่าพยานปากเเรกเป็นพนักงานสอบสวน ปอท. ซึ่งเป็นผู้กล่าวหา มาเบิกความ
จากนั้นรถวิ่งไปทางถนนรัชดาฯ โดยมีมวลชนเสื้อเเดงที่มาให้กำลังใจ พร้อมช่างภาพเเละ ผู้สื่อข่าวไปดักถ่ายภาพรถนายทักษิณ วิ่งบนถนนรัชดาภิเษก บริเวณประตู 10 ศาลอาญา โดยมวลชนที่มาให้กำลังใจได้ส่งเสียงให้กำลังใจนายทักษิณริมถนน
ขณะที่ นายวิญญัติ กล่าวสั้น ๆ ว่า ตนไม่สามารถให้รายละเอียดของคดีได้ เนื่องจากศาลพิจารณาลับ และกำชับให้คู่ความห้ามเปิดเผยรายละเอียดภายในห้องพิจารณาคดี เนื่องจากจะผิดต่อข้อกำหนดเเละไม่ดีต่อรูปคดีด้วย อาจจะพูดได้เเค่ว่ามีพยานกี่ปากเท่านั้น เเน่จะเป๋นใครก็บอกไม่ได้ ส่วนเรื่องการตรวจสอบเรื่องคลิปที่เกาหลีก็พูดไม่ได้เป็นการพิจารณาลับศาลสั่งห้ามไว้
ซึ่ง นายทักษิณ ได้เดินทางไปรับประทานอาหารและจะกลับเข้ามาฟังการสืบพยานต่อในเวลา 13.30 น. และเจ้าตัวประสงค์ที่จะเข้าฟังการสืบพยานในทุกวัน และจากที่ตนสังเกตุดู นายทักษิณ ไม่มีความเครียดใด ๆ กับการสืบพยานในครั้งนี้
ส่วน นายทักษิณ จะให้สัมภาษณ์กับสื่อหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณ คงยังไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อในวันนี้อย่างแน่นอน