ข่าวประจำวัน » #ทรัมป์เยือนจีน! คาดหารือการค้า-กดดันเกาหลีเหนือ?

#ทรัมป์เยือนจีน! คาดหารือการค้า-กดดันเกาหลีเหนือ?

9 November 2017
833   0

ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางถึงกรุงปักกิ่งของประเทศจีนแล้ว โดยได้รับเกียรติสูงสุด เป็นผู้นำต่างชาติคนแรกในรอบกว่า 60 ปี ที่ได้เข้ารับประทานอาหารค่ำภายในพระราชวังต้องห้ามของจีน

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(8 พ.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เปิดฉากการเยือนแดนมังกรเป็นเวลา 3 วัน นับเป็นโอกาสอันสำคัญยิ่งสำหรับทั้งสองประเทศในการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคี ที่อาจจะช่วยผลักดันอนาคตที่ดีขึ้นให้กับชาวโลก

การเยือนครั้งนี้นับเป็นการเดินทางเยือนจีนครั้งแรกของทรัมป์ นับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และยังเกิดขึ้นหลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน(CPC) ครั้งที่ 19 ที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้รับเลือกเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกครั้ง

ที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน วางแผนที่จะสร้างจีนให้เป็นสังคมอยู่ดีกินดี (moderately prosperous society) ภายในปี 2021 โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชาวจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจีนที่มีรายได้อยู่ใต้เกณฑ์หรือเส้นแบ่งความยากจนของชาติ

จีนกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ จากยุคแห่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไปสู่ช่วงเวลาของการยกระดับคุณภาพ สร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นเพื่อการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน ในสหรัฐอเมริกา ทีมบริหารของทรัมป์จะต้องรับมือกับความท้าทายที่สำคัญซึ่งก็คือภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เช่นการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตและการกระตุ้นการสร้างงาน ทรัมป์ได้กำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงไว้หลายประการ คือการเติบโตที่ร้อยละ 3 การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่ยุบตัวของอเมริกาและการลดการขาดดุลทางการค้า

เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในข้างต้น จีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกและในขณะเดียวกันก็เป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของกันและกัน จึงไม่มีทางเลือกอื่นใดที่ดีไปกว่าการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพราะว่าทั้งคู่มีความเกี่ยวพันทางเศรษฐกิจและมีผลประโยชน์ทางการค้าจำนวนมหาศาล

ในปี 2016 มูลค่าการค้าของทั้งพญามังกรและพญาอินทรีนั้นอยู่ที่ 5.78 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของทั้งคู่ก็ทะลุ 6 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนาชาติอย่างต่อเนื่องของทั้งสองประเทศนั้น คือสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและสงบสุขในทั้งระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ ปักกิ่งและวอชิงตันจึงต้องเพิ่มความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ตลอดจนความร่วมมือในเรื่องที่สำคัญๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

ในเรื่องของปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี การตกลงหาทางออกร่วมกันด้วยวิธีการทางการทูตมีความเกี่ยวข้องกับการเดิมพันที่สำคัญของทุกฝ่าย ซึ่งรวมทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาด้วย

นโยบายอันไม่เป็นมิตรที่ไม่ได้รับการตรวจสอบให้ดีก่อน ถ้อยคำที่รุนแรง การแสดงอำนาจทางการทหาร ล้วนแต่จะฉุดรั้งให้ความหวังในการที่จะเจรจากันเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่แท้จริงนั้นลดต่ำลง ดังนั้นจีนและสหรัฐอเมริการวมทั้งประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรทำงานร่วมกันไม่ใช่ต่อต้านกันและกัน อย่างน้อยก็เพื่อทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดทุเลาลง

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการก่อการร้ายทั่วโลกยังคงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ชาวโลกให้ความกังวล ซึ่งจีนและสหรัฐฯ ล้วนมีศักยภาพสูงในการร่วมมือกันรับมือกับปัญหาในด้านนี้
กลไกความร่วมมือยังสามารถสร้างขึ้นได้ไม่เพียง แต่ระหว่างหน่วยงานรัฐบาลของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาคเอกชน สถาบันการศึกษาและภาคประชาชนด้วย

ในปีที่ผ่านมา สีและทรัมป์ได้สื่อสารและพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดผ่านการประชุมแบบตัวต่อตัวด้วยการสนทนาทางโทรศัพท์ หรือการแลกเปลี่ยนข้อความระหว่างกัน สิ่งนี้ช่วยทำให้ทั้งสองผู้นำเข้าใจกันและกันมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศก็ได้ประจักษ์ถึงความคืบหน้าในความสัมพันธ์ทวิภาคี ผ่านทางกลไกการเจรจาระดับสูง 4 ด้าน ที่เพิ่งกำหนดขึ้นใหม่ ซึ่งก็คือด้านการทูตและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และการบังคับใช้กฎหมายและความปลอดภัยทางโลกไซเบอร์

การเยือนของทรัมป์ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำหรับผู้นำทั้งสองในการทบทวนความสำเร็จที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์”จีน-สหรัฐฯ”ตลอดจนเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในความแตกต่างและเริ่มวางทิศทางของก้าวต่อไปในการกระชับความร่วมมือระหว่างกัน

หากจีนและสหรัฐอเมริกาสนับสนุนผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งคู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค จีนและสหรัฐฯก็จะสามารถร่วมมือกันเพื่อบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ความสำเร็จเพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความมั่งคั่งร่วมกันของชาวโลกอีกด้วย

WAM.

สำนักข่าววิหคนิวส์