ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ทรัมป์เซอร์ไพรส์อีก ให้เปิดแฟ้มลับคดีลอบฆ่า ปธน.เคนเนดี สะท้านโลก

#ทรัมป์เซอร์ไพรส์อีก ให้เปิดแฟ้มลับคดีลอบฆ่า ปธน.เคนเนดี สะท้านโลก

22 October 2017
784   0

          เอพีรายงานวันที่ 21 ต.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา เขียนข้อความทางทวิตเตอร์ว่า จะไม่ขัดขวางการเปิดข้อมูลสอบสวนคดีลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือ เจเอฟเค เหตุการณ์ที่สะท้านสะเทือนโลกที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ เมื่อปีค.ศ.1963 หรือพ.ศ.2506

          “ผมในฐานะประธานาธิบดีจะอนุญาตให้เผยแพร่แฟ้มคดีเจเอฟเคที่ถูกขัดขวางมานานได้แล้ว” นายทรัมป์เขียน
          จากนี้ไปจนถึงวันพฤหัสฯ ที่ 26 ต.ค. หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐจะต้องเผยแพร่เอกสารแฟ้มสอบสวนคดีลอบสังหารเจเอฟเค ทั้งเอกสาร 3,000 หน้าที่ไม่เคยเผยแพร่ทางสาธารณชนมาก่อน และอีกกว่า 30,000 หน้าที่เคยเผยแพร่มาแล้วแต่เป็นฉบับย่อ
         ตามกฎระเบียบของรัฐสภา เอกสารคดีลอบสังหารทุกชนิดจะต้องเปิดเผยเมื่อหมดอายุความครบ 25 ปี แต่ให้สิทธิประธานาธิบดีในการใช้อำนาจยับยั้งได้ หากเห็นว่าเป็นภัยต่อการข่าวกรอง หรือราชการลับ ไปจนถึงปฏิบัติการทางทหาร การบังคับใช้กฎหมาย หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
         หลังทรัมป์แสดงท่าทีนี้แล้วทำให้กิดปฏิกิริยาตอบรับในทางบวก เช่น นายแลร์รี แซเบโท ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการเมือง มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับคดีเจเอฟเค กล่าวชมว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ว่าเราไม่ควรให้อภิสิทธิ์แก่หน่วยงานใดของรัฐบาล
         นักวิชาการท่านนี้รวมถึงคนอื่นๆ ที่ศึกษาคดีเจเอฟเค ต่างเชื่อว่ายังมีเอกสารในแฟ้มลับของคดีที่จะทำให้เห็นว่า นายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ มือสังหารนั้นเดินทางไปเม็กซิโก ก่อนลงมือ และระหว่างที่ไปเม็กซิโกนั้นยังได้เข้าไปยังสถานทูตสหภาพโซเวียตและสถานทูตคิวบา
         แฟ้มภาพวันที่ 22 พ.ย.2506 เจเอฟเคและนางแจ๊กเกอลีน ภริยา นั่งอยู่บนรถในเมืองดัลลัส จังหวะก่อนเจเอฟเคถูกลอบยิง (AP Photo/Jim Altgens, File)

         ด้านโอลิเวอร์ สโตน ผู้กำกับคนดังที่เคยสร้างภาพยนตร์เรื่องเจเอฟเค ในมุมมองตั้งคำถามว่าอาจเป็นฝีมือกองทัพสหรัฐเองที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร ส่งข้อความดีใจเช่นเดียวกันว่า “เฮ! นี่คือชัยชนะ”
          ข้อมูลที่เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ระบุว่า ซีไอเอสเชื่อว่า ออสวอลด์ได้แรงบันดาลใจสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี หลังอ่านบทความของสำนักข่าวเอพีที่ลงข้อความของพล.อ.ฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบาในขณะนั้นพูดว่า “ผู้นำสหรัฐจะตกอยู่ในอันตรายแน่หากเกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะกำจัดผู้นำคิวบา”

สำนักข่าววิหคนิวส์