ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ทนายโดดขวางพรบ.จราจรใหม่ชี้ขัดรธน.เพิ่มอำนาจตร.แจกใบสั่งปชช.ปิดทางสู้คดีในชั้นศาล

#ทนายโดดขวางพรบ.จราจรใหม่ชี้ขัดรธน.เพิ่มอำนาจตร.แจกใบสั่งปชช.ปิดทางสู้คดีในชั้นศาล

31 May 2019
1235   0


31พ.ค.62-นายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ ทนายความ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ มีเนื้อหาระบุว่า ผมขอคัดค้าน……! พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กรณีการแก้ไขปรับปรุงใหม่ล่าสุด(ฉบับที่12)พ.ศ.2562 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 เป็นการออกกฎหมายที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพในการเดินทางโดยปราศจากการควบคุมเกินสมควรกว่าเหตุที่ควรจะเป็นและกฎหมายที่ออกมาบังคับใช้ในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยย่ำแย่พี่น้องประชาชนจะต้องถูกบังคับใช้กฎหมายอันเป็นการกระทบสิทธิในการที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายแบบอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงแค่ขั้นตอนเดียวคือ”การออกคำสั่งของตำรวจ”และหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งมีผลผูกพันไปถึงการจะต้องเสียค่าปรับสูงสุดถึง5เท่าของอัตราค่าปรับที่กฎหมายบัญญัติและกำหนดไว้
ประการสำคัญ”ใบสั่ง”ของตำรวจตามที่มีการคำสั่งทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยเครื่องตรวจจับวัดความเร็วสูงเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนดจะมีผลบังคับใช้ทันทีต่อไปนี้

กรณีดังกล่าวประชาชนไม่มีสิทธิคัดค้านหรือโต้แย้งความถูกต้องของเครื่องตรวจจับความเร็วดังกล่าวหากมีการออกใบสั่งและแจ้งให้ไปชำระค่าปรับตามใบสั่งทางไปรษณีย์แล้ว
ปรากฏว่าผู้ขับขี่เพิกเฉยเจ้าของรถยนต์ที่เป็นนิติบุคคลดังกล่าวจะต้องรอรับชะตากรรมจากกฎหมายฉบับใหม่อันแสนโหดร้ายเพราะว่าตามมาตรา160 จัตวามีผลบังคับใช้ในวันที่22กันยายน 2562 นิติบุคคลเตรียมตัวจ่ายหรือเสียค่าปรับอันมหาโหดสูงสุดถึง5เท่าตัวของค่าปรับสูงสุดหากพิจารณาดูอัตราค่าปรับสูงสุดไม่เกิน1,000บาทตามที่กฎหมายบทบัญญัติไว้อย่างน้อยก็ต้องถูกปรับ 5 เท่าเป็นเงิน5,000บาทต่อครั้ง/ใบสั่งจำนวน1ใบ

เมื่อมีการออกคำสั่ง(ใบสั่ง)ผู้ขับขี่ไม่ไปชำระค่าปรับตามใบสั่งจะมีผลผูกพันต่อไปอีกทางตำรวจจะนำเอาเงินค่าปรับค้างชำระตามใบสั่งของตำรวจส่งรายงานค่าปรับคงค้างชำระไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่ออายัดมิให้กรมการขนส่งทางบกทำการต่อทะเบียนภาษีรถยนต์ประจำปีให้แก่ผู้ขับขี่และถูกใบสั่งของตำรวจจนกว่าจะได้ชำระค่าปรับเสร็จสิ้นเสียก่อนทุกข์แสนสาหัสจะบังเกิดขึ้น

ประการสำคัญที่สุดกฎหมายให้อำนาจเต็มเจ้าพนักงานตำรวจในการใช้สิทธิในการตัดแต้มในกรณีที่ผู้ขับขี่กระทำผิดกฎหมายจราจรสะสมหลายครั้งและให้มีอำนาจออกคำสั่งพักใบอนุญาตขับขี่และผู้ขับขี่ต้องอุทธรณ์คำสั่งภาย15วันและคณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์คำสั่งเป็นที่สุด(มิใช่ศาล)
กรณีดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้อำนาจเจ้าพนักงานตำรวจในการจับและตรวจสอบการขับขี่และออกคำสั่งว่ากระทำความผิดกฎหมายจราจรและคำสั่งเป็นที่สุดไม่สามารถต่อสู้คดีต่อศาลได้ตามหลักสากลได้ในกรณีที่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหรือตกเป็นผู้ต้องหาว่าด้วยการให้การต่อพนักงานสอบสอบในชั้นสอบสวนถึงเหตุเพิกเฉยจนเป็นเหตุให้ถูกปรับ5เท่าของค่าปรับตามมาตรา 160 จัตวาและให้การต่อพนักงานอัยการและให้การต่อศาลเพื่อได้ส่วนลดอันเป็นขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญเมื่อตกเป็นผู้ต้องหา/จำเลยตามข้อกล่าวหาที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้อีกต่อไป
“ค่าปรับ” จากการกระทำความตามกฎหมายจราจรทางบกที่ออกใบสั่งโดยตำรวจเงินจำนวนดังกล่าวไปไหนใครได้รับประโยชน์สูงสุดผมตอบได้เลยว่า”ตำรวจ”ครับ

ค่าปรับจำนวน100% แบ่งอัตราส่วนให้เป็นเงินพึ่งได้ให้กับรัฐไม่เกิน10-15% ส่วนที่เหลือคนที่ได้รับคือ”ตำรวจ”ทั้งหมดตามสัดส่วนที่ตกลงกันภายในองค์กรตำรวจเท่านั้นครับ
“ค่าปรับ”เป็นเงินพึ่งได้และเป็นผลประโยชน์ทับช้อนที่เจ้าพนักงานตำรวจได้รับเงินเดือนประจำอยู่แล้วตามปกติและตามระเบียบทางราชการ
”ค่าปรับ”ควรตกเป็นเงินพึ่งได้ที่ควรนำเงินเป็นเงินรายได้ของรัฐหรือแผ่นดินเพื่อนำไปพัฒนาประเทศแต่กลับไม่ใชอย่างที่ควรจะเป็น……?
ช่องว่าง หรือ ช่องโหว่ของกฎหมายจะทำให้เกิด”..ช่องทางในการสร้างรายได้เป็นกรอบเป็นกำ(กรรม)ขององค์ผู้มีอำนาจออกคำสั่ง(ตำรวจ)อย่างมากมาย….”ตามกฎหมายที่ปรับปรุงแก้ไขใหม่…..เศรษฐีใหม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆของวงการข้าราชการไทย
เพื่อมิให้กฎหมายที่จะมีผลบังคับใช้กับประชาชนที่จะเกิดขึ้นและเพื่อมิให้กฎหมายถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการหากินบนความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน”รัฐผู้มีอำนาจปกครองรัฐสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกเลิกเงินรางวัลและแบ่งปันค่าปรับดังกล่าว” เสียทันที

หากยังคงให้มีการแบ่งปันรายได้จากค่าปรับต่อไปรับรองผลกระทบและจะสร้างความเดือดและมาซึ่งความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน
ผมเป็นนักกฎหมายมหาชนไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งในการปรับปรุงแก้ไขพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522(ฉบับล่าสุด)ดังกล่าวเพราะมีบางมาตราที่ไปเป็นกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ปวงชนชาวไทยเจ้าของอำนาจอธิปไตยจะต้องได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญในการเดินทางตามหลักสากลและความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตตามรัฐธรรมนูญ…
“คิดดีพูดดีทำดีและติเพื่อให้ก่อเกิดปัญญาเพื่อสันติภาพและสันติสุขของปวงชนชาวไทย”
ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ(ทนายหัวใจเพชร)

Cr.thaipost

สำนักข่าววิหคนิวส์