มีชาวสหรัฐฯ เพียงแค่ 11% ที่เชื่อว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ควรถูกกล่าวโทษต่อราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงในสหรัฐฯ จากผลสำรวจความคิดเห็นของ Rasmussen poll สำนักโพลชื่อดังในวันอังคาร (21 มิ.ย.) และยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ชี้เป้าไปที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ในโพลของ Rasmussen ที่จัดทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครั้ง (52%) ที่ชี้ว่านโยบายทางพลังงานแย่ๆ ของไบเดน คือต้นตอที่ทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงจนไม่จ่ายไม่ไหว นั่นหมายความว่าคำจำกัดความ “การขึ้นราคาของปูติน” ที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามป้อนสู่ความคิดของประชาชน ดูเหมือนจะไม่ได้ผลใดๆ
อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนที่ไม่กล่าวโทษทั้งไบเดนและปูติน พวกเขาล็อกเป้าไปที่บรรดาบริษัทพลังงานทั้งหลาย โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 29% ชี้ว่าอุตสาหกรรมพลังงานกอบโกยผลประโยชน์จากภาวะไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ ผ่านการปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิง
บางทีด้วยที่ทราบว่าคำจำกัดความ “การขึ้นราคาของปูติน” เริ่มใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป ไบเดนจึงหันไปกล่าวโทษบรรดาบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้งหลาย สำหรับหายนะด้านราคาเชื้อเพลิง โดยเมื่อเร็วๆ นี้เขากล่าวหาอุตสาหกรรมพลังงาน “ทำเงินมากกว่าพระเจ้า” และบอกว่าเหล่าบริษัทน้ำมันจงใจเตะถ่วงการขุดเจาะ “เพราะว่าพวกเขาจะโกยเงินได้มากขึ้นถ้าไม่ผลิตน้ำมันเพิ่มเติม”
แม้ว่าสหรัฐฯ ห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซของรัสเซียในเดือนมีนาคม แต่ในความเป็นจริงคือมอสโกป้อนอุปทานน้ำมันแก่อเมริกาคิดเป็นสัดส่วนแค่ 2% และโดยสุทธิแล้วสหรัฐฯ คือชาติผู้ส่งออกก๊าซ ดังนั้นจึงแทบไม่เหลือคำกล่าวอ้างที่ว่ารัสเซียคือผู้อยู่เบื้องหลังราคาที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ตามสถานีบริการทั้งหลาย
ราคาพลังงานถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นประเด็นสำคัญก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี โดยผู้มีสิทธิออกเสียงราว 92% บอกว่าราคาก๊าซ น้ำมันทำความร้อนและเชื้อเพลิงอื่นๆ ที่พุ่งทะยาน เป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับพวกเขา ในผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (21 มิ.ย.) ในนั้นมีมากถึง 68% ขอเรียกปัญหาดังกล่าวว่า “ร้ายแรงมาก”
ด้วยที่ไม่พบเห็นสัญญาณเศรษฐกิจจะพลิกฟื้นคืนมาได้ และศึกเลือกตั้งกลางเทอมกำลังมาถึงในเดือนพฤศจิกายน จึงดูเหมือนว่าผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจะกล่าวโทษไปที่พรรคเดโมแครต สำหรับความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจของพวกเขา และมีความเป็นไปได้ว่าทั้ง 2 สภาในสภาคองเกรสจะตกไปอยู่ภายใต้การควบคุมของรีพับลิกัน
ในผลสำรวจของ Rasmussen ที่เผยแพร่ในวันอังคาร (21 มิ.ย.) พบด้วยว่ามีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเพียงแค่ 27% ที่มองว่า ไบเดน บริหารจัดการเศรษฐกิจ ได้ “ยอดเยี่ยม” หรือ “ดี” ลดลงมา 1 ใน 5 นับตั้งแต่เดือนธันวาคม และมีถึง 57% ที่มองผลงานของเขาว่า “แย่” นอกจากนี้ ชาวอเมริกันเกือบ 1 ใน 3 มองว่าเศรษฐกิจของประเทศเลวร้ายลงกว่าปีที่ผ่านมา มีเพียง 11% ที่บอกว่าดีขึ้น ส่วนที่เหลือไม่ขอออกความเห็น
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/รัสมุสเซน)