ข่าวประจำวัน » ต้มคนไทย ! ถวิล ซัดเศรษฐา น่าละอาย ทำยุติธรรมพังพินาศ

ต้มคนไทย ! ถวิล ซัดเศรษฐา น่าละอาย ทำยุติธรรมพังพินาศ

25 March 2024
732   0

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 โดยนายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายในประเด็นปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ตอนหนึ่งว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในด้านกระบวนการยุติธรรม ตนขีดเส้นใต้โดยเฉพาะที่ระบุว่า เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นยอมรับของนานาประเทศ เป็นคำแถลงที่สวยหรู ดูดีมาก แต่รัฐบาลนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม และหลักนิติธรรมของประเทศเป็นอย่างมาก ในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามที่แถลงไว้ ที่เด่นชัดสุดคือกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีไปหลายปี แล้วกลับมารับโทษ

นายถวิล กล่าวว่า ตนยืนยันว่า เป็นเรื่องที่กระทบต่อนโยบายความยุติธรรมของคนทั้งประเทศ ทุกคนมีส่วนได้เสีย ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ที่อดีตนายกฯกลับมารับโทษตามกฎหมาย เป็นเรื่องดี แต่ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบมาบนประเทศไทย เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับประเทศ ทั้งการได้รับสิทธิพิเศษ การต้อนรับที่ดี ตั้งแต่ลงมาจากเครื่องบิน จนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยไม่ชัดเจน

“หลังจากนั้นเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นไม่หยุด ท่านได้รับการรักษาตัว 180 วัน หรือ 6 เดือนเต็มในโรงพยาบาลฯ โดยการอนุมัติจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ด้วยข้อมูลการแพทย์ที่สังคมเคลือบแคลงสงสัยตลอดมา ตลอด6เดือนท่านแทบไม่ได้สัมผัสเรือนจำเลย ผมคิดว่าประตูเรือนจำสีอะไรทำด้วยอะไร ท่านอาจจะยังนึกไม่ออกจนกระทั่งบัดนี้ จากนั้นความสงสัยประหลาดใจยิ่งเพิ่มขึ้นอีก หลักจากได้พักโทษไม่ถึงสัปดาห์ก็เปิดบ้านรับแขกบ้านแขกเมือง ขออนุญาตกลับบ้านที่เชียงใหม่ มีรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง นายกอบจ. ข้าราชการ มารอรับแล้วรายงานข้อราชการ ดูแล้วไม่เหมือนนักโทษที่ได้รับการพักโทษ แล้วไม่เหลือเค้าของอาการเจ็บป่วยรุนแรงวิกฤต ที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจยืนยันมาตลอดว่าวิกฤต เสี่ยงต่อชีวิต” นายถวิล กล่าว

นายถวิล กล่าวต่อว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรมว.ยุติธรรม ยืนยันเสียงแข็งว่าทำถูกต้องชอบธรรมครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว ท่านไม่สงสัยบ้างหรือว่าการแก้โจทย์ของท่านลืมทดเลข หรือทดเลขผิดหรือไม่ ทำไมคำตอบที่ออกมามันค้านสายตาคนทั้งประเทศ หรือาจจะทั้งโลกก็ได้ ท่านเป็นข้าราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำงานเพื่ออำนวยความเสมอภาค เท่าเทียมเป็นธรรมให้ประชาชน ท่านลองหลับตาสวดมนต์ทำใจสบายๆ แล้วสาบานกับตัวท่านเองว่าปฏิบัติไปโดยถูกต้อง ชอบธรรม เป็นธรรม เสมอภาคแล้วจริงหรือไม่ ตนคิดว่าคำตอบปรากฏแก่ใจของท่านแล้ว ไม่ต้องตอบตนก็ได้

“ท่านคิดว่า คนไทยกินหญ้า กินแกลบ หรือผมไปกินน้ำค้างหน้าบ้านผม ไม่ได้กินข้าว เหมือนพวกท่านที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในคดีนี้หรืออย่างไร จึงหลอกตัวเอง หลอกคนทั้งประเทศ ท่านคิดว่าเดี๋ยวคนคงลืมๆ แล้วๆกันไป เพราะว่าปลุกม็อบไม่ขึ้นแล้ว บาดเจ็บกันมามากแล้ว แล้วคนไทยขี้ลืม เดี๋ยวก็ลืมกันไป แต่เรื่องนี้ จะไม่ลืมเป็นอันขาด ในฐานะที่ผมผ่านเหตุการณ์มามาก ทำงานด้านความมั่นคงมาหลายปี เรื่องนี้จะเป็นบาดแผลลึก ที่ไม่มีวันหาย จะเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันจางหายไปเป็นอันขาด อาจจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้” นายถวิล ระบุ

นายถวิล กล่าวอีกว่า กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ตรงปก ไม่ตรงไปตรงมา มันมีผลกระทบต่อสังคม คือ1.ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมเพิ่มขึ้น คนที่รัก คนที่เชียร์ก็ชอบ ส่วนคนเกลียดชัง เขาก็แช่ง แล้วความสงบสามัคคีจะเกิดขึ้นได้อย่างไร จะอ้างว่าปรองดองโดยฝ่ายหนึ่งยืนเหยียบบนหัวของอีกฝ่าย ตนไม่เห็นด้วย ถ้าทำให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น สังคมก็อยู่ร่วมกันได้ 2.จะส่งผลกระทบต่อค่านิยมของบ้านเมือง เราจะบอกค่านิยมเหล่านี้ต่อลูกหลานในอนาคตได้อย่างไรให้เขาเชื่อ ศรัทธา ทำกันอย่างนี้ จะอธิบาย เรื่องความยุติธรรม ความเสมอภาค ให้ลูกหลานยึดถือได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เขาเห็นต่อสายตาตัวเองมันย้อนแย้ง

นายถวิล กล่าวต่อว่า 3.ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ ความยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองไปหมดสิ้น กว่าแต่ละคดีจะมาถึงขั้นลงโทษผู้กระทำความผิดได้ สังคมนี้ใช้จ่ายทรัพยากร ทั้งตัวบุคคล เงินทอง ทรัพย์สินไม่ใช่น้อย แต่การบริหารโทษชั้นปลายน้ำ ทำให้ความพยายามที่ยากลำบากสูญสลายไปในพริบตา ความน่าเชื่อถือของนานาประเทศเสียหายก็ไปด้วยสิ่งที่ทำลงไป เอาชื่อเสียง เอาระบบยุติธรรมประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพงแสนแพง ประเทศชาติขาดทุนย่อยยับกับสิ่งที่ทำลงไป

นายถวิล กล่าวว่า 4.ทำลายระบบราชการ ทำลายกระบวนการยุติธรรมเสียหายย่อยยับ โดยเฉพาะการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา เพราะประชาชนเชื่อแล้วว่ากระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงชั้นศาลฯ จะออกมาเป็นโทษแก่เขาเพียงใด แต่ถ้ามีอำนาจ มีเงิน ก็สามารถทำให้สิ่งเหล่านั้นกลับกลายไปได้ เราจะอยู่กันในบ้านเมืองที่มีหลักแบบนี้หรือ และ5.การที่อดีตนายกฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯ อภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี แต่ในโทษ 1 ปีได้ถูกกระบวนการบริหารโทษทำปู้ยี่ปู้ยำ ด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ ฉ้อฉลเสียหาย ตนอดนึกไม่ได้ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้คำนึงถึงพระเกียรติยศ คำนึงถึงพระเมตตาของพระองค์ท่านหรือไม่

“ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับอดีตนายกฯ ผมไม่โทษท่าน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเขา เขาก็ต้องยินดีรับเอา มันเป็นธรรมชาติมนุษย์ แม้ส่วนตัวผมจะไม่ชอบ ถึงขั้นชิงชัง รังเกียจความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ก็ตาม ผมต้องตำหนิรัฐบาล กลไกรัฐภายใต้กำกับดูแลที่ทำให้เกิดเรื่องน่าละอายเช่นนี้ ท่านน้อมประคองส่งมอบสิ่งนี้ให้เขาเอง ทั้งๆที่สามารถป้องกันแก้ไขได้ที่น่าเสียใจยิ่งกว่านั้น คือท่านยังยืนยันว่าทำถูกต้อง ทำดีแล้ว อวิชชาที่บดบังสติปัญญาเช่นนี้ ผมคิดว่ายากจริงๆที่จะพูดให้เข้าใจ ยากที่จะทำให้เห็นแจ้ง คงต้องรอกฎหมายตามเช็คบิลการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และวันหนึ่งไม่ช้าเกินรอกฎแห่งกรรมจะได้ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง มอบคุณมอบโทษให้กับทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตามวิบากกรรมการกระทำของทุกท่าน” นายถวิล กล่าว