- รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.2564) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 สั่งการให้ พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 บูรณาการกำลังกับ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี และฝ่ายสืบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาคภูมิ นาคพนม ผกก.สภ.เขาคิชฌกูฏ ร่วมกันจับ นายณรงค์ หรือวุฒิ อายุ 52 ปี และ น.ส.สุพรรณี อายุ 27 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนยาว ลักษณะดัดแปลงสภาพคล้ายอาวุธปืน เอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก (ดัดแปลงสภาพ โดยใช้อุปกรณ์ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้) , กระสุนปืนเอ็ม 16 บรรจุอยู่ในซองกระสุนปืน จำนวน 21 นัด และรถแบ็คโฮ จำนวน 1 คัน
พฤติการณ์สืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์ (ONLINE PATROL) ของสืบสวนภูธรภาค 2 ได้รับแจ้งชาวบ้านผู้เสียหายร้องเรียนว่าถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพล นำแบ็คโฮมาขุดดินปิดกั้นถนน หมู่ 4 ต.คลองพูล อ.เขาคิชฌกูฎ จว.จันทบุรี ทำให้กีดขวางทางสำหรับผู้ใช้สัญจรสร้างความเดือดร้อนสำหรับประชาชนที่ใช้ทาง แต่ไม่มีใครกล้าเจรจาเนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ดังกล่าว โดยประสงค์ให้สืบสวนภูธรภาค 2 ดำเนินการช่วยเหลือเพราะสร้างความเดือดร้อนให้เป็นอย่างมาก
เมื่อไปถึงพบนายณรงค์ และ น.ส.สุพรรณี กำลังควบคุมรถแบ็คโฮดำเนินการอยู่บริเวณดังกล่าวขุดดินปิดเส้นทางสัญจรตามที่ถูกร้องเรียนจริง ส่วนคนขับรถแบ็คโฮไหวตัวหลบหนีไปได้ก่อนตำรวจจึงได้ตรวจค้นรถยนต์กระบะของ นายณรงค์ พบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลาง จึงสร้างความหวาดกลัวและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนบริเวณดังกล่าว
สอบถามนายณรงค์ อ้างว่าตนเองเป็น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ( สจ.) เขตอำเภอเขาคิชฌกูฏ เขต 2 และในชั้นจับนายณรงค์ และ น.ส.สุพรรณี รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา สำหรับมูลเหตุครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกลุ่มผู้ต้องหามีความขัดแย้งกับประชาชนผู้เสียหายในเรื่องการใช้น้ำและการปลูกทุเรียนในที่ดินบริเวณที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.จันทบุรี ตรวจสอบอาวุธปืน และประวัติการใช้งานก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขาคิชฌกูฏ ดำเนินคดีกฎหมาย
พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่า การจับครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ ผบช.ภ.2 ให้สืบสวนภูธรภาค 2 บูรณาการกำลังตำรวจภูธรจังหวัดกวาดล้างอาวุธปืน ผู้มีอิทธิพลที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ เพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัย และรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล.