ข่าวประจำวัน » ด่วน ปปป.พบหลักฐาน3ปปช. !บิ๊กโจ๊กกับพวกทำหลักฐานเท็จบช.ทรัพย์สิน ส่งปปช.ฟันยกแก๊ง

ด่วน ปปป.พบหลักฐาน3ปปช. !บิ๊กโจ๊กกับพวกทำหลักฐานเท็จบช.ทรัพย์สิน ส่งปปช.ฟันยกแก๊ง

5 April 2024
301   0

วันนี้ (5 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่มีผู้เข้าร้องทุกข์ตำรวจ บก.ปปป. ให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับ นายสมบัติ ธรธรรม , นายจัตุรงค์ พานิซเจริญ และ น.ส.อารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ว่าร่วมกันกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หลังพบหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทั้ง 3 ราย มีพฤติกรรมช่วยเหลือตกแต่งหลักฐานทรัพย์สินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อประกอบการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หลังมีชื่อเข้าไปพัวพันกับคดีเว็บพนันออนไลน์ว่า ภายหลังตำรวจ บก.ปปป. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทั้ง 3 รายดังกล่าว มีการกระทำผิดจริง อีกทั้งยังพบว่านอกเหนือจาก เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทั้ง 3 รายแรกแล้ว ยังมีผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าวเพิ่มเติมอีกจำนวน 3 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ และ นายสมภพ ไทยธีระเสถียร หรือ เฮียอั้ง ในฐานความผิดเป็นผู้ใช้หรือตัวการร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กรณีดำเนินการหรือสร้างพยานหลักฐานเท็จเกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประกอบการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

วันนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้กับทาง ป.ป.ช. พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 6 ราย ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

โดยพยานหลักฐานสำคัญที่ทำให้เชื่อว่า มีการกุเรื่องสร้างหลักฐานสำแดงทรัพย์สินเท็จ จนนำมาสู่การตรวจสอบนั้น คือคำให้การของพยานคนสำคัญรายหนึ่ง เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก โดยพยานคนดังกล่าวให้การว่า รู้จักกับนายสมภพจริงเนื่องจาก เคยเช่าพระกันในอดีต แต่ไม่ถึงกับสนิทสนมกัน กระทั่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมา นายสมภพ ได้ติดต่อมาหาพร้อมนัดพบที่ร้านอาหารข้างห้างสรรพสินค้าพาต้าปิ่นเกล้า เมื่อนายสมภพมาถึงก็ได้อ้างพยานคนดังกล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยากรู้จักและอยากเลี้ยงอาหารเพราะต้องการขอเช่าพระ แต่ได้ตอบปฏิเสธไป เพราะต้องการเก็บไว้บูชาเอง จึงไม่ได้มีการพบเจอ หรือ เคยติดต่อเช่าพระกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อย่างใด อีกทั้งพระจำนวน 10 องค์ ที่มีการกล่าวอ้างว่าเช่ามาจากพยานคนดังกล่าวนั้น ทางพยานยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่าไม่เคยครอบครองพระเครื่อง 10 องค์ดังกล่าวแต่อย่างใด

นอกจากนี้จากแนวทางสืบสวนเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ยังพบหลักฐานสำคัญอีกอย่างเป็นความเชื่อมโยงระหว่าง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. รายหนึ่ง กับ พ.ต.ท.คริษฐ์ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา หลังพบว่าเคยให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกกันในการประสานเข้าใช้บริการโรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงพบข้อมูลการประสานนัดหมายเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. คนดังกล่าว ไปให้ถ้อยคำต่อพนักงานไต่สวน สำนักงาน ป.ป.ช. กรณี ที่มีการตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับ สตม. (VISA ON ARRIVAL) เมื่อครั้ง ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีตำแหน่งเป็น ผบช.สตม. อีกทั้งจากการตรวจสอบประวัติของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. คนดังกล่าวยังพบว่าเป็นหนึ่งในอนุกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีความเห็นเสนอยุติเรื่องร้องเรียน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ พวก ในคดีเก็บส่วยคาราโอเกะในอดีตอีกด้วย