น้ำแข็งต้องถามเลยว่าตอนคุณก่อนจะยืดไม่ได้ถามราคาหรอ ถ้าแพงก็ไม่ต้องยืดดิ จากกรณีที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลฯอยู่ขณะนี้ สำหรับร้านทำผมแห่งหนึ่งซึ่งได้เก็บค่าทำผมสูงถึง 7,200 โดยนางสุภัด นีลเซล อายุ 50 ปี เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งระบุว่าตนเองถูกเรียกเก็บเงินค่ายืดผมแพงเกินเหตุหรือเปล่า เนื่องจากก่อนเข้าไปทำผมได้สอบถามแล้วว่าราคายืดผมเท่าไหร่ แต่ช่างกลับไม่ตอบตนเองจึงคิดว่าไม่แพง และตัดสินใจทำผมที่ร้านนี้
โดยนางสุภัด เผยว่า ด้วยที่ตนเห็นว่าร้านนี้เป็นร้านธรรมดา ไม่ได้ติดแอร์จึงคิดว่าราคาคาทำผมคงไม่น่าจะแพงมาก แต่พอทำเสร็จกลับถูกเรียกเก็บเงินราคา 7,250 บาท ซึ่งขณะนั้นตนเองมีเงินติดตัวอยู่เพียง 7,200 บาท ทางช่างจึงลดให้ 50 บาท เหลือ 7,200 บาท หลังจากนั้นเมื่อกลับบ้านตนจึงเล่าให้ครอบครัวฟัง และทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าเป็นราคาที่แพงเกินความเป็นจริง และแพงกว่าร้านเสริมสวยหลายร้านในกรุงเทพฯเสียอีก ตนจึงเดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถแจ้งความได้เนืองจากเป็นข้อหาเกี่ยวกับด้านผู้บริโภคต้องเดินทางไปร้องเรียนที่ สคบ. แทน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภค
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามที่ร้านทำผมดังกล่าว ได้รับแจ้งจาก นางสาวสุพิศ จันสูง อายุ 44 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยคู่กรณี ว่า นางสุภัดได้เข้ามาสอบถามตนเองก่อนการทำผมจริง แต่ตนเองไม่สามารถตอบราคาได้เนื่องจากเมื่อตนเองตรวจสอบที่เส้นผมดูแล้ว พบว่ามีปัญหาหนักมาก ผมเสีย แข็งเป็นก้อน เพราะไม่รู้ว่าจะต้องใช้น้ำยากี่เซต และไม่รู้ว่าต้องผสมทรีเม้นเท่าไหร่ แต่ทางนางสุภัดก็ตัดสินใจทำเอง
และบอกว่าไม่เป็นไรจัดการเลยถ้าทำได้ แต่หลังจากทำเสร็จเขาก็ไม่ได้พูดว่าแพงอะไร เพราะราคาก็เหมือนร้านทั่วไป เพียงแต่ว่ามันเยอะตรงที่จำนวน 3 เซต ซึ่งการทำผมครั้งนี้ต้องทำการยืดถึง 3 ครั้ง ใช้น้ำยา 3 เซต โดยค่าน้ำยาต่อเซต ๆ ละ 1,500 บาท รวมเป็น 4,500 บาท ค่าทำสีอีก 2,500 บาท และค่าทำเล็บ 250 บาท รวมเป็น 7,250 บาท อย่างไรก็ตาม ตนเองก็จะเข้าแจ้งความกลับคู่กรณีเช่นกัน หลังถูกถ่ายคลิปไปโพสต์ประจาน ทำให้ร้านของตนเองเสียหาย ดังกล่าว
