วันที่ 2 ธ.ค. 60 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรอง ลธ.พท.ให้ตวามเห็นกรณี รอง นรม.และ รมว.กห.ให้สัมภาษณ์ว่าจะปลดล็อคการเมืองใกล้เลือกตั้งนั้น เป็นความเห็นที่ทำลายความเชื่อมั่นประเทศอย่างร้ายแรง และรัฐบาลได้ทำเช่นนี้มาเป็นระยะ ๆ ซึ่งมีข้อเท็จจริง ดังนี้
1. เมื่อ 28 ก.ย.58 นรม.ไปให้คำมั่นกับเลขาธิการ UN ว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในกลางปี 2560
2. รัฐบาลได้ออก พรป. พรรคการเมือง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่
8 ต.ค.60 และ กกต.ซึ่งเป็นผู้รักษาการตาม พรป.ดังกล่าว ก็ได้ออกระเบียบ กกต. มารองรับ จำนวน 8 ฉบับ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ธ.ค.60
แต่นับจาก พรป. พรรคการเมืองมีผลบังคับใช้ รัฐบาลกลับไม่เคารพไม่ปฏิบัติตาม กม.ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกมาเสียเอง
โดยยังมีคำสั่ง คสช.ตาม ม.44 กำกับ พรป.พรรคการเมืองอยู่
3. ลำพังกติกาต่าง ๆที่ รธน. กำหนด ล้วนไม่เป็น ปชต.และเอาเปรียบพรรคการเมืองต่าง ๆ อยู่ทุกประตูอยู่แล้ว เช่น ระบบการเลือกตั้งเป็นแบบจัดสรรปันส่วนผสม, ส.ว.มาจากการสรรหาและให้มีอำนาจเลือก นรม.ได้ และ นรม.มาจากคนนอกได้ เรียกได้ว่าคุมทั้งกตืกา งบประมาณ และกำลังคน ทั้งยังจะผูกขา ผูกแขนไม่ให้ทำกิจกรรมตาม กม.เหมือนปิดประตูตีแมว
4. ประการสำคัญ ประเทศไทยคงจะงามหน้า ขายหน้าชาวโลก ที่จะเป็นประเทศเดียวในโลกใบนี้ที่ได้รับการจารึกไว้ว่า จะมีการเลือกตั้งตามระบอบ ปชต.แต่จะมีคำสั่ง คสช.ตาม ม.44 กำกับอยู่ ทั้งก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแแล้วเสร็จ เรียกได้ว่า
คุมทุกเม็ดจนกว่าภารกิจกุมอำนาจจะแล้วเสร็จ
จะเห็นได้ว่า ที่ยกตัวอย่างมาพอสังเขป ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับประชาชนเลย เป็นเกมรักษาอำนาจ ต่อท่ออำนาจทั้งสิ้น และการดำเนินการดังกล่าวล้วนทำลายความเชื่อมั่นประเทศอย่างร้ายแรง
ประชาชนคงจะถึงบางอ้อว่า 3 ปีเศษที่ผ่านมา ทำไมรัฐบาลถึงแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องไม่ได้ เป็นเพราะประเทศไม่ได้รับความเชื่อมั่นนั่นเอง ทางแก้มีหนทางเดียว คือ ทำบ้านเมืองให้เป็นปกติ
รีบคืนอำนาจให้ประชาขน 70 ล้านคนได้ตัดสินอนาคตตนเอง
สำนักข่าววิหคนิวส์