จับตาข้อมูลฝ่ายความมั่นคง ชี้ชัดเลือกตั้งครั้งหน้า “เพื่อไทย-ปชป.” นำโด่ง ส่วนพรรคกำนันสุเทพ ไม่มีทางเจาะฐานภาคใต้ได้ ระบุ “4 เสือ” แห่ง ปชป. “ชวน-บัญญัติ-ไตรรงค์-สัมพันธ์” รวมพลังสู้ขาดใจ
Mgronline-ส่วนอีสาน-เหนือ ชาวบ้านยังศรัทธา “ทักษิณ” ด้านเพื่อไทย ยุส่ง “สมคิด-สุเทพ” ตั้งพรรคเชื่อเป็นการ “ฆ่า ปชป.” โดยตรง ขอบคุณ “วัชระ เพชรทอง” แฉข้อมูล พร้อมเปิดต่อ “พรรคสุเทพ” จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง ทาบ “นักเศรษฐศาสตร์มือดี” ลูกชายผู้บริหารองค์กรระหว่างประเทศนั่งหัวหน้าพรรค ส่วนอีกพรรค จะดูด ส.ส.รุ่นเก่ามาไว้ที่นี่ ขณะที่ “ปชป-เพื่อไทย” ไล่เก็บข้อมูลไว้รอจังหวะถล่ม “บิ๊กป้อม-สมคิด”!
การออกมาแฉของนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะมีการตั้งพรรคประชารัฐเพื่อสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยวางตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นหัวหน้าพรรค มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน อดีตปลัดกระทรวงการคลังเป็นเลขาธิการพรรค โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยอยู่เบื้องหลัง
เป้าหมายเพื่อผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง
แต่เมื่อข่าวนี้เสนอออกไป ปรากฏว่าบรรดาผู้ที่มีชื่อเกี่ยวข้องโดยเฉพาะนายสมคิด ที่ดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นเป้านิ่งให้กลุ่มคนไม่รักบิ๊กตู่จ้องถล่ม ได้ออกมาปฏิเสธข่าวว่า “ได้ข้อมูลผิดมั้ง ตอนนี้ผมอายุย่าง 65 ปีแล้ว”
ส่วนบิ๊กตู่ น่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องแต่ตอบคำถามในเรื่องการตั้งพรรคยาวที่สุด “ต้องไปถามคนพูด ….คงไม่มีใครไปตั้งพรรคทหารก็รู้อยู่ว่าตั้งมาแล้ว ก็คือปัญหา ไม่เคยสำเร็จสักที จะไปตั้งให้มันเมื่อยทำไม ทุกคนพยายามจะสร้างกระแสให้ได้ว่า จะมีพรรคทหารให้คนรังเกียจ ต้องไปดูจุดหมายที่เขาพูดกันเพื่ออะไร”
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พูดสั้นๆ ว่า “ยังไม่มีและยังไม่ทราบ”
นายวัชระ เพชรทอง
ในความเป็นจริงแล้วข่าวการจัดตั้งพรรคประชารัฐนั้น มีการประเมินจากฝ่ายความมั่นคงแล้วเห็นว่า หากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จัดตั้งพรรคขึ้นมามีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เชื่อว่าไม่น่าจะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้บิ๊กตู่เป็นนายกฯ เป็นผลสำเร็จ เนื่องเพราะกำนันสุเทพ ไม่สามารถเปิดตัวเองแบบเต็มร้อยว่าเป็นตัวแทนพรรคทหาร เพียงแต่เคยมีคำพูดจากกำนันสุเทพที่ได้กล่าวไว้ในช่วงที่มีการชุมนุมของ กปปส.และก่อนที่จะมีการยึดอำนาจของ คสช.ว่าสนับสนุนให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี เท่านั้น
“ปัญหาคือกำนันสุเทพ จะเปิดตัวชัดเจนก็จะเสียคน ถูกประชาธิปัตย์ เพื่อไทยและพรรคอื่น ๆ จ้องถล่มว่าเป็นตัวแทนเผด็จการ บรรดาพวกไม่เอาบิ๊กตู่ ก็จะใช้โซเชียลมีเดียโจมตี เพจต่าง ๆ ก็จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง สังคมก็จะเสพข่าวที่เห็นแต่ความไม่ดีของพรรคกำนันสุเทพ และทหาร”
นอกจากนี้ในการประเมินสถานการณ์ยังเชื่อว่า กำนันสุเทพ มีฐานที่มั่นเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนภาคอื่น ๆ ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเจาะฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคขนาดกลางอย่างพรรคชาติไทย ชาติพัฒนา ฯลฯ ได้
อย่างไรก็ดีทีมงานความมั่นคง ยังมีการนำตัวเลข ส.ส.และกลยุทธ์ในการหาเสียงของแต่ละพรรคในอดีตมาวิเคราะห์ และเชื่อว่าในพื้นที่ภาคใต้ที่กำนันสุเทพวาดฝันไว้ว่าจะสามารถได้ ส.ส.มาหลายคน ก็อาจไม่เป็นตามที่คาดไว้เพราะจากการวิเคราะห์เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นคนที่กำนันสุเทพ ประมาทไม่ได้ คงต้องทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องพื้นที่ของ ปชป.ไม่ให้กำนันสุเทพช่วงชิงไปได้
อีกทั้งแกนนำคนอื่น ๆ ทั้ง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีต ส.ส.สุราษฎร์ฯ หลายสมัย เป็นกรรมการที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีต ส.ส.สงขลา หลายสมัย, นายสัมพันธ์ ทองสมัคร เป็นอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย แม้จะเคยยุติบทบาททางการเมืองไปแล้ว แต่เมื่อกลับมาลงเลือกตั้งอีกครั้ง เมื่อ 23 ธันวาคม 2550 ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็สามารถชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 13 ได้เช่นกัน
“เราประเมินดู 4 เสือ ปชป.ต้องสู้ขาดใจ นำโดย นายชวน บัญญัติ ไตรรงค์ และนายสัมพันธ์ คงต้องระดมช่วยกันเวียนปราศรัยสกัดเต็มที่ไม่ยอมให้ ปชป.เสียพื้นที่ให้กับสุเทพแน่ ๆ และถ้ารวมนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.พังงา หลายสมัยเข้าไปด้วย ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะได้ ส.ส.เขต”
แม้ว่ากำนันสุเทพ จะสามารถดึง ส.ส.เก่าในพื้นที่ไปได้ แต่ ปชป.ก็จะเลือกเฟ้นผู้สมัครหน้าใหม่ที่เป็นคนหนุ่มเข้ามาลงแทน และตั้งใจจะชนกับน้องนายสุเทพ ที่จะลงสมัคร ส.ส.เขตด้วย
ที่น่าสนใจฝ่ายความมั่นคงมองว่า การต่อสู้ในพื้นที่ภาคใต้นั้น ไม่ได้เป็นการสู้กับ ปชป.เท่านั้น แต่จะต้องสู้กับ
ขบวนการเอ็นจีโอ ที่ต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะเชื่อว่ากำนันสุเทพ เป็นตัวแทนของพรรคทหาร ที่ต้องการจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินให้ได้ อีกทั้งหากรัฐบาลบิ๊กตู่ ไม่สามารถแก้ปัญหาราคายาง ปาล์ม ซึ่งเป็นรายได้หลักของคนใต้ได้ภายใน 1 ปีนับจากนี้ไปก็จะยิ่งซ้ำเติมให้คนใต้ปฏิเสธพรรคของกำนันสุเทพเช่นกัน
“พื้นที่ภาคใต้จะหาแนวร่วมที่หนุนทหารยากมาก โซเชียลมีเดียจะถูกใช้เพื่อโหมกระพือให้เห็นว่า ป้ายคล้องคอของสุเทพแสดงให้เห็นว่าเป็นพรรคทหาร”
โดยบทสรุปในพื้นที่ภาคใต้ ทีมความมั่นคงยังเชื่อว่าการเจาะพื้นที่เพื่อดึงส่วนแบ่งจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย รวมไปถึงพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน ซึ่งเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อว่าจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้เช่นกัน เพราะจากการติดตามข้อมูลพบว่า อดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย มีการลงพื้นที่เพื่อดูแลพบปะประชาชน อย่างต่อเนื่อง และชาวบ้านก็ยังเชื่อว่านายทักษิณ ชินวัตร จะยังไม่วางมือทางการเมืองแน่นอน
“คนรากหญ้าจำนวนมากยังเชื่อมั่นในทักษิณ เพื่อไทยจะเอาใครก็ได้มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ขอเพียงให้รู้ว่า ทักษิณ ยังหนุนอยู่ ยังเป็นตัวแทนของทักษิณจริง ๆ พวกเขาพร้อมเทคะแนนให้ แต่เมื่อใดที่ทักษิณบอกไม่เอาแล้ว เลิกแล้ว ต่อให้เอาคนมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักมาเป็นหัวหน้าพรรค ชาวบ้านก็ไม่เอาด้วย คะแนนเสียงที่เคยเทให้กับเพื่อไทยก็จะถูกพรรคใหญ่อย่าง ปชป.หรือพรรคขนาดกลาง แย่งพื้นที่กันไป”
แหล่งข่าวบอกว่า เรื่องนี้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลและกองทัพ ต่างรู้ดีว่า ชาวบ้านในพื้นที่ภาคเหนือ อีสาน ก็ยังคงรักและเชื่อมั่นนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ดังนั้นหากมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นปลายปี 2561 หรือปี 2562 ก็ยังมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย จะเป็นพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด
จากการประเมินของหน่วยงานด้านความมั่นคง บอกว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิก
จำนวน 500 คน ประกอบด้วย ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 350 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ 150 คน
“ใน 500 คน เราเชื่อว่าเพื่อไทยได้ไป 230 ส่วน 270 ที่เหลือ จะ แบ่งสัดส่วนกัน คือ ปชป.น่าจะได้ 170 แต่เป็น 170 ที่จะถูกแบ่งไปให้พรรคใหม่ที่เป็นของกำนัน 15 และจะเป็นพรรคเงา ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นพรรค รองนายกฯ สมคิด อีก 15 แปลว่า ปชป.จะเหลือ 140 ส่วนอีก 100 จะเป็นการแบ่งกันในกลุ่มพรรคขนาดกลาง ทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา ของกลุ่มศิลปอาชา พรรคชาติพัฒนา ของกลุ่มนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคภูมิใจไทยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และน่าจะมีพรรคเล็กของนายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้ามาแบ่งด้วย“
นอกจากนี้ในการประเมิน เชื่อว่าพรรคใหม่ของนายสุเทพ พรรคนายไพบูลย์ รวมไปถึงพรรคเงา กลุ่มนี้ไม่น่าจะได้ ส.ส.เขต แต่จำนวน ส.ส.ที่ได้นั้น คาดว่าจะมาจากบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีที่มาจากการจัดสรรคะแนนที่ประชาชนเลือกพรรคต่าง ๆ ทั้งประเทศ โดยวิธีค่าเฉลี่ยคะแนนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคควรจะได้ต่อ 1 คน คือ นำคะแนนของพรรคที่ได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศ หารด้วยจำนวน ส.ส.500 คน จากนั้นให้นำค่าเฉลี่ยที่ได้ไปหารจำนวนคะแนนที่แต่ละพรรคได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนที่แต่ละพรรคจะพึงมี ส.ส.ได้
ด้านแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย บอกว่า พรรคเพื่อไทย พอใจกับการที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำข้อมูลการตั้งพรรคของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่มีกำนันสุเทพ อยู่เบื้องหลังออกมาเปิดเผย เพราะจะทำให้พรรคเพื่อไทยรู้ว่าจะเดินหน้าต่อสู้ในการเลือกตั้งทั่วไปอย่างไร ซึ่งพรรคก็ได้ข้อมูลมาว่ามีการพูดคุยเรื่องการสนับสนุนให้มีการตั้งพรรคจริง แต่ความต่างที่พรรคเพื่อไทยได้ข้อมูลมาก็คือจะมีการตั้ง 2 พรรคการเมืองใหม่
พรรคแรก จะเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ และมีการทาบทาม “นักบริหารรุ่นใหม่” ที่บิดามีภาพลักษณ์ดี เป็นที่รู้จักในทางการเมืองและทำงานองค์กรระหว่างประเทศ ขณะที่ตัวเขาเองก็จบด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจากประเทศอังกฤษ ประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจดีเยี่ยม มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค
ส่วนพรรคที่ 2 มีการพาดพิงว่าหัวหน้าพรรคชื่อสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่นายสมคิด ก็ได้ออกมาปฏิเสธไปแล้วนั้น ทางพรรคเพื่อไทยได้ข้อมูลมาว่า พรรคนี้จะเป็นพรรคของคนรุ่นเก่าที่เคยเป็นอดีต ส.ส.เป็นหลัก และจะผสมผสานคนรุ่นใหม่เพียงเล็กน้อย
“เพื่อไทยไม่เดือดร้อนกับการตั้งพรรคของรัฐบาลหรือพรรคนายสุเทพ มีแต่จะยุให้ตั้งกันขึ้นมาเร็ว ๆ เพราะพรรคที่จะเดือดร้อนคือพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะถูกแย่งชิงพื้นที่ พูดง่าย ๆ ตั้งมาฆ่ากันเอง ไม่เกี่ยวกับเรา ผมว่าถูกปชป.แฉออกมาแบบนี้ หากไม่ตั้งพรรคก็ไม่ได้สืบทอดอำนาจ แต่ถ้าตั้งก็พิกลพิการ ถูกพรรคเก่าไม่ว่าพรรคใหญ่ พรรคเล็ก ถล่มแน่นอนว่าเป็นพรรคทหารที่ต้องการสืบทอดอำนาจ”
จากนี้ไปต้องจับตาดูว่าแม้บิ๊กตู่ จะใช้มาตรา 44 ปลดล็อกให้พรรคการเมืองใหม่ และพรรคการเมืองเก่าสามารถทำกิจกรรมได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวจัดประชุมพรรคได้ก็ตาม แต่บรรดาพรรคการเมืองเก่าโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ต่างไล่ล่าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ 2 บุคคลสำคัญในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่มีข่าวลือเกี่ยวกับความไม่โปร่งใส และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวข้องกับ “ตระกูลชิน” เมื่อครั้งร่วมรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ไว้เป็นหมัดเด็ดซึ่งจะถูกงัดมาถล่มในยามจำเป็น!
สำนักข่าววิหคนิวส์